ลิ้มรสชาญี่ปุ่นแบบทันสมัยใกล้ตัวที่ไม่ได้มีแค่มัทฉะกับคาเฟ่ KANEJU-FARM Omotesando

ไปพบความอร่อยของชาญี่ปุ่นที่ไม่ใช่แค่ชาเขียวมัทฉะ

 หากพูดถึง "ชาเขียวญี่ปุ่น" ที่โด่งดังหลายคนคงนึกถึง "มัทฉะ" ชาเขียวผงเข้มข้น ที่มีการนำไปทำเมนูคาเฟ่หลายอย่างไม่ใช่แค่ดื่มเป็นชาร้อนแบบดั้งเดิมหรือทำพิธีชงชา

แต่วันนี้เราจะพาไปพบกับความอร่อยของชาญี่ปุ่นอีกประเภทที่เรียกว่า "เซ็นฉะ (Sencha)"
ในความเป็นจริงนั้นเซ็นฉะคือชาประเภทที่มีการดื่มกันมากที่สุด เนื่องจากเป็นชาที่ใช้เสิร์ฟตามร้านอาหารและเป็นชาที่ใช้บรรจุขวดขายด้วย
อาจเพราะความอยู่ใกล้ตัวจนเกินไป ทำให้เรามองข้ามคุณค่าและความเป็นไปได้อันมากมายของเซ็นฉะที่มีไม่แพ้ชาเขียวมัทฉะ

วันนี้เราจะพาไปนั่งชิลล์ในคาเฟ่ชาญี่ปุ่นในสไตล์โมเดิร์น แต่พิถีพิถันในเรื่องชาเซ็นฉะทั้งแต่การปลูกในไร่ชาของตนเอง การผลิตชา จนถึงการนำมาชงและสร้างเมนูขนมหวานที่จะช่วยเปิดโลกเสน่ห์แห่งชาญี่ปุ่นให้เราไปอีกขั้น

คาเฟ่คาเนะจูฟาร์ม โอโมเตะซันโด (KANEJU-FARM Omotesando)

คาเฟ่ที่อยากแนะนำในวันนี้คือ "KANEJU-FARM Omotesando" อยู่ในย่านโอโมเตะซันโด แหล่งช้อปปิ้งแบรนด์ดังและแฟชั่นทันสมัย รวมถึงมีร้านกาแฟ คาเฟ่ สวยหรูมากมาย
เราออกจากสถานีรถไฟโอโมเตะซันโดจากทางออก A2 ออกมาจะเห็น Apple Store แล้วเลี้ยวเข้าซอยด้านข้างได้เลย เดินตรงไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมีทางแยกที่ต้องเดินเยื้องขวาไปหน่อย ใช้เวลาเดินทั้งหมดราว 4 นาที จะพบคาเฟ่ KANEJU-FARM Omotesando อยู่ทางขวามือในบริเวณที่เงียบสงบ ต่างจากถนนเส้นหลักของโอโมเตะซันโด
* ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ปัจจุบันทางร้านแนะนำให้จองล่วงหน้าก่อน หากรอบไหนไม่เต็มถึงจะอนุญาตให้ลูกค้าที่ไม่ได้จองนั่งในร้านได้ ส่วน take out สามารถซื้อได้เสมอ ตรวจสอบเมนูและรายละเอียดล่าสุดได้จากทาง Instagram ของร้าน

หน้าร้านใช้ร่วมกับร้านขายชีสที่จะมีรูปวัวอยู่บนกระจกแต่จะมีป้ายผ้าขนาดใหญ่ของร้านพาดอยู่ข้างๆ ประตูให้สังเกตด้วย ว่าแล้วก็เดินเข้าร้านจากประตูตรงกลางได้เลยค่ะ

ภายในร้านจัดอย่างเรียบง่าย มีเคานเตอร์และพนักงานอยู่ตรงกลาง โต๊ะเคานเตอร์ปูด้วยเสื่อทาทามิ ให้บรรยากาศสบายๆ ผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นและคาเฟ่ยุคปัจจุบัน
ร้านพึ่งเปิดในปี 2018และได้ทำการปรับปรุงร้านเปิดใหม่ในปี 2019 ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ทางร้านใช้ระบบสั่งอาหารและจ่ายเงินก่อน เมนูขนมและชาสามารถนั่งกินในร้านได้เลย

หากเป็นเมนูเครื่องดื่มอย่างเดียวจะต้อง take out หรือไปนั่งที่ระเบียงด้านนอกร้านค่ะ เมนูเครื่องดื่มอย่างเดียวจะมีราคาอยู่ที่ราวๆ 400-600 เยน

เมื่อพูดถึงการไปนั่งดื่มชาญี่ปุ่นที่ไม่ใช่มัทฉะลาเต้ หลายคนอาจนึกถึงภาพร้านเงียบสงบ เคร่งขรึม ต้องนั่งตัวเกร็งจิบชา
แต่ที่ KANEJU-FARM Omotesando ไม่มีบรรยากาศเช่นนั้นแม้แต่นิดเดียว

เมนูประจำเซ็ทชาญี่ปุ่นและขนมญี่ปุ่น

เมนูหลักของร้านคือเซ็ทชาญี่ปุ่นกับขนมญี่ปุ่น (Nihoncha to Wagashi no Set) ราคาตั้งแต่ 1,200 เยนขึ้นไป แล้วแต่ชาที่เลือก เช่น ชาเซ็นฉะพรีเมียม (Premium Green Tea) ชาเซ็นฉะคัดพิเศษ (Special Picked Tea) ชาโฮจิฉะ (Deep Roast Tea) ชาเบลนด์อย่างชายูซุ (Yuzu Blended Tea) หรือชาเซ็นฉะเอิร์ลเกรย์ (Earl Grey Green Tea) และอื่นๆ
สามารถเลือกได้ทั้งชาร้อนและชาเย็น ซึ่งชาในร้านเป็นชาเซ็นฉะ ชาเก็นไมผสมเซ็นฉะ (ชาข้าวคั่ว) และชาโฮจิฉะที่ทำจากเซ็นฉะทั้งหมด ไม่มีเมนูมัทฉะเลย

ชาร้อนจะเสิร์ฟมาให้เป็นกาขนาดเล็ก เมื่อดื่มแก้วแรกหมด สามารถขอเติมน้ำร้อนเพื่อดื่มน้ำที่สองได้

หากสั่งเป็นชาเย็น จะได้ชาเย็นกาใหญ่มา พร้อมแก้วใส่น้ำแข็งลูกกลมดูหน้าตาสวยเก๋

ส่วนขนมญี่ปุ่นที่มากับชุดชาจะเปลี่ยนไปในแต่ละเดือน โดยคำนึงถึงฤดูกาล เลือกใช้วัตถุดิบอร่อยของแต่ละเดือน ตามแนวคิดของญี่ปุ่นที่ให้ผู้คนได้สัมผัสถึงฤดูผ่านขนมได้
สำหรับขนมที่ผู้เขียนได้ทานวันนี้เป็นขนมญี่ปุ่นเนริคิริ (Nerikiri) ทำจากแป้งนวดผสมน้ำเชื่อม ลวดลายสีเขียวได้นอกได้มาจากโยโมกิ (*) ส่วนไส้ด้านในเป็นอังโกะผสมเปลือกส้มฮัซซากุเชื่อม
ได้รสหอมหวานแบบญี่ปุ่นเข้ากับชาเซ็นฉะ และยังได้กลิ่นส้มอ่อนๆ ทำให้รู้สึกถึงฤดูใบไม้ผลิแสนสดชื่นที่กำลังมาเยือน
นอกจากนี้ยังมีอินทผลัมสอดไส้ถั่ววอลนัตอีกด้วย
*โยโมกิ (Yomogi) ... พืชในกลุ่มมักเวิร์ต นำมาทำเป็นอาหารได้ มักนำมาใช้เป็นส่วนผสมของขนมญี่ปุ่น ให้กลิ่นหอมและสีเขียวสวย

Picture courtesy of KANEJU FARM inc.
เมนูประจำอีกอย่างคือชาวิปครีมชีส (Cheese Whip Tea) แก้วละ 750 เยน
เป็นเมนูที่นำชาเซ็นฉะผงเข้มข้นหรือชาโฮจิฉะมาชงผสมกับนมและโปะด้วยวิปครีมชีส กลายเป็นเครื่องดื่มสมัยใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น
ทางร้านคัดสรรนมที่จะมาใช้อย่างดีด้วยตนเองเพื่อไม่ให้กลิ่นของนมแรงจนทำให้ชาต้องเสียรสไป เมนูนี้สามารถดื่มในร้านหรือ take out ก็ได้

สำหรับชาวต่างชาติที่อาจจะไม่คุ้นเคยกับการดื่มชา ทางร้านยังแนะนำว่าลองดื่มจากชาเซ็นฉะหรือโฮจิฉะใส่นมแบบลาเต้ก็อร่อยได้เช่นกัน

เมนูตามฤดูกาล ดั้งเดิมแต่ไม่เคยล้าสมัย

นอกจากเมนูประจำแล้ว ทางร้านจะมีเมนูเซ็ทประจำฤดูกาลซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยคิดค้นเมนูขนมให้เหมาะสมกับ "ชาตามฤดูกาล" ซึ่งทางไร่ชาจะเป็นผู้คิดค้นและผลิตออกมาในแต่ละช่วง

Picture courtesy of KANEJU FARM inc.

อย่างตอนที่ผู้เขียนไปเป็นช่วงเดือนมีนาคมซึ่งเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระเริ่มบาน ชาประจำฤดูกาลจึงเป็นชาเซ็นฉะซากุระ เสิร์ฟพร้อมขนมอันมิตสึซึ่งประกอบด้วยเยลลี่ซากุระ ไอศครีมนมผสมชีสมาสคาร์โปเน่ ชิราตามะ ราดด้วยน้ำเชื่อมผสมชาเซ็นฉะอย่างดี
เมนูนี้ราคา 1,400 เยน และเมนูตามฤดูกาลจะขอเติมชาได้ไม่อั้นอีกด้วย จะดื่มสลับทั้งชาร้อนชาเย็นก็ไม่มีปัญหา

ชาเบลนด์ตามฤดูกาลนี้นอกจากจะพิถีพิถันเรื่องใบชาสมกับส่งตรงจากไร่ชาแล้ว ยังปรุงแต่งอย่างใส่ใจด้วยผสมกลีบดอกซากุระลงไปจริงๆ
ชาในฤดูกาลอื่นๆ ที่เคยออกสินค้ามา เช่น ชาเซ็นฉะองุ่น ชาเซ็นฉะสตรอเบอร์รี่ ชาโฮจิฉะเกาลัด ฯลฯ ก็มีการใส่ผลไม้แห้งลงไปเช่นกัน

Picture courtesy of KANEJU FARM inc.
และเมนูพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อเป็นเมนูตามฤดูกาลนั้นล้วนแต่คิดค้นขึ้นเพื่อให้ทานกับชาอร่อย และดึงรสชาติ กลิ่นของชาญี่ปุ่นให้เด่นชัด ในขณะที่ทางร้านก็สร้างสรรค์เมนูทันสมัยที่ผสมผสานเทคนิคของคาเฟ่หรือขนมต่างชาติลงไป ดึงดูดให้วัยรุ่นหรือคนที่คิดว่าชาญี่ปุ่นเป็นเรื่องไกลตัว มีโอกาสเข้ามาสัมผัสชาได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูเค้กเกาลัดมองบลังค์ พุดดิ้ง น้ำแข็งไส และอื่นๆ

เบลนด์ชาเซ็นฉะสูตรของตัวเอง

อีกวิธีหนึ่งที่เราจะได้สัมผัสชาเซ็นฉะอย่างใกล้ชิดและแปลกใหม่ก็คือบริการ "Order Made Tea" หรือการเบลนด์ชาสุดพิเศษเป็นสูตรของเราเพียงคนเดียว

Picture courtesy of KANEJU FARM inc.

เราสามารถเลือกใบชาพื้นฐานได้จาก 3 อย่าง คือ เซ็นฉะของคาเนะจู ชาเขียวคาเฟอีนต่ำ และชาโฮจิฉะของคาเนะจู
จากนั้นจึงลองผสมกับส่วนผสมอื่นที่ให้กลิ่นและรสต่างๆ โดยเลือกได้มากที่สุด 3 อย่าง จากนั้นทางร้านจะลองชงให้ชมดูว่าถูกใจหรือไม่ เมื่อตามหาชาสูตรเฉพาะตัวที่ถูกใจได้แล้วก็สามารถซื้อกลับบ้านเป็นของขวัญให้ตัวเองหรือคนอื่นได้เลย โดยราคาอยู่ที่แบบถุง 80 กรัม 1,620 เยน และแบบกระป๋อง 100 กรัม 2,268 เยน

Picture courtesy of KANEJU FARM inc.

ส่วนผสมที่สามารถเลือกนำมาปรุงชาของเราได้มีร่วม 20 ชนิด ได้แก่ อบเชย เปปเปอร์มินต์ แอปเปิ้ล ขิง เบซิล โรสแมรี่  กลีบกุหลาบแดง กุหลาบป่า คอร์นฟลาวเวอร์ ดาวเรือง ตะไคร้ ส้มแมนดารินน้ำผึ้ง พริก พริกไทยญี่ปุ่น งาดำ ส้ม ยูซุ มะนาว และอื่นๆ
* ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ปัจจุบันทางร้านงดให้บริการ Order Made Tea จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

ซื้อหาหลากหลายชาเซนฉะกลับบ้าน

หากดื่มชาแล้วถูกใจ ทางร้านก็มีชาหลายชนิดในแพ็คเกจเรียบหรูให้ซื้อกลับไปอร่อยที่บ้าน หรือนำไปฝากคนสำคัญได้

KANEJU-FARM Omotesando มีไร่ชาเป็นของตนเองอยู่ในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) อันโด่งดังเรื่องชา ชาภายในร้านจึงเป็นชาแบบ Single Origin หรือมีต้นกำเนิดจากที่เดียวกัน ผ่านกรรมวิธีการผลิต ไปจนถึงบรรจุจากโรงงานของไร่ชาคาเนะจูเอง ทางไร่ใส่ใจตั้งแต่กระบวนการเตรียมดินก่อนปลูกต้นชา จึงมั่นใจได้ว่าชาในร้านเป็นของคุณภาพดีทั้งนั้น

ชามีทั้งแบบชาถุง ชงง่าย และชาแบบใบ นอกจากนี้ยังมีผงเซ็นฉะเข้มข้น (Powder Green Tea)
เราอาจจะคุ้นกับชามัทฉะแบบผง หรือชาเซ็นฉะพร้อมดื่มแบบผงที่รสชาติอ่อน แต่ชาผงเซ็นฉะของที่นี่เข้มข้นขนาดที่สามารถนำไปชงใส่นมเป็นลาเต้ หรือนำไปทำขนมต่อแบบมัทฉะได้เลย ถือเป็นสินค้าของดีหายาก ผลิตได้เพียงวันละ 500 กรัมเท่านั้นค่ะ

สำหรับมือใหม่หัดชง วันนี้เราก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ลองชาแบบที่มีแต่ก้านชาเท่านั้นที่เรียกว่าโบฉะ (Bocha หรือ Selected Stem Tea) ในรูปบน ด้านซ้ายคือชาโบฉะ ส่วนด้านขวาคือชาเซ็นฉะธรรมดา จะเห็นได้ว่ามีลักษณะต่างกันเพราะชาเซ็นฉะธรรมดาจะมีใบชาผสมอยู่ด้วย
ชาโบฉะชงง่าย มีเศษจากใบชาน้อย ไม่ต้องแช่ชาก็สามารถดื่มได้ และดื่มได้ถึง 3-4 ครั้ง แค่มีที่กรองชาสักอัน ก็นั่งชงดื่มเรื่อยๆ กลิ่นหอม รสชาติสดชื่น ช่วยผ่อนคลายระหว่างทำงานหรืออ่านหนังสือได้สบาย

สัมผัสชาญี่ปุ่นล้ำค่าแบบใกล้ตัว

พอพูดถึงคำว่าวัฒนธรรมหรือคำว่าชาญี่ปุ่นแล้ว เราอาจจะนึกถึงพิธีชงชาเก่าแก่ เนินนาบ ยากจะเข้าใจ หรือนึกไปถึงผงมัทฉะที่ถูกนำไปทำเมนูสมัยใหม่ทั้งลาเต้ ขนมเค้ก ไอศครีม และอื่นๆ

แต่วัฒนธรรมชาอันยาวนานของญี่ปุ่นไม่ได้มีเพียงแค่มัทฉะ และยังมีผู้คนอีกมากมายพยายามให้ชาประเภทอื่นอย่างเซ็นฉะได้รับความสนใจ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสสัมผัสวัฒนธรรม รวมถึงความอร่อยของชาแบบใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น

ไร่ชาคาเนะจูคือหนึ่งในผู้ผลิตชาที่ให้ความสำคัญกับชาในทุกๆ ส่วนจนเรียกว่าไม่มีส่วนไหนเหลือทิ้งเลย และการเปิดร้านคาเฟ่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอยากจะ "ยกไร่ชามาไว้ถึงในร้าน"
ใบชาในเดือนพฤษภาคมถือเป็นชาใหม่ (ชินฉะ - Shinsha) จึงเป็นช่วงเวลาที่อยากแนะนำให้มาดื่มเซ็นฉะกัน ใบชาในแต่ละปีนั้นได้ผลผลิตออกมารสชาติแตกต่างกันเสมอ ทางร้านจึงงต้องใช้ความพิถีพิถันระมัดระวังเพื่อเลือกอุณหภูมิน้ำ วิธีการชงเพื่อดึงรสอร่อยของชาในแต่ละปีออกมาให้ได้มากที่สุด

คราวหน้าลองไปนั่งเล่นสบายๆ จิบชาเซ็นฉะ ทานขนมที่เต็มไปด้วยความทุ่มเทจากไร่จนถึงร้านของ KANEJU-FARM Omotesando กันดูไหมคะ

Money Ten Farm Omotesando

4-1-22 Jingumae, Shibuya-ku, โตเกียว 150-0001