Start planning your trip
10 สถานที่ชมซากุระห้ามพลาดหากได้มาเยือนคันไซ! (รวมโอซาก้า เกียวโต)
ภูมิภาคคันไซ เป็นที่รู้จักกันว่ามีมรดกโลกอยู่มากมายหลายแห่งและเป็นแหล่งรวมอาหารการกินอันหลากหลาย ในครั้งนี้เราขอแนะนำ 10 สถานที่ชมซากุระในคันไซ!! ตั้งแต่เมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโตไปจนถึงเมืองแห่งอาหารสุดอร่อยอย่างโอซาก้ากันเลยจ้า
ชมซากุระในภูมิภาคคันไซ
เกียวโต เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตแม้แต่ในหมู่คนญี่ปุ่นเอง และ โอซาก้า แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองจังหวัดนี้ต่างรวมอยู่ในภูมิภาคเดียวกันนั่นคือ ภูมิภาคคันไซ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่รู้จักกันในนามแหล่งมรดกโลกและแหล่งอาหารการกินอันหลากหลาย
แน่นอนว่าที่นี่ต้องมีแหล่งชมซากุระสวยงามอยู่มากมาย! นอกจากเกียวโต และโอซาก้าแล้ว 10 สถานที่แนะนำในครั้งนี้ยังมีสถานที่ในจังหวัดข้างเคียงทั้งในนารา ในชิกะ และเฮียวโกะด้วยค่ะ สามารถเดินทางไปมาถึงกันด้วยรถไฟได้อย่างสะดวกสบาย
Himeji Castle ไกด์นำเที่ยวฮิเมจิแบบจัดเต็ม! ข้อมูลการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว ข้อมูลปราสาทฮิเมจิ ของฝากKobe Oji Zoo สวนสัตว์โกเบโอจิที่สามารถเพลิดเพลินกับทั้งไจแอนแพนด้าและโคล่าได้
วันที่ดอกซากุระเริ่มบาน - บานเต็มที่ในแถบคันไซ
เฉลี่ยวันที่ดอกซากุระเริ่มบานและบานเต็มที่ในเมืองต่างๆ ของภูมิภาคคันไซ
เริ่มบาน | บานเต็มที่ | |
เกียวโต | 28 มีนาคม | 5 เมษายน |
โอซาก้า | 28 มีนาคม | 5 เมษายน |
นารา | 29 มีนาคม | 5 เมษายน |
ฮิโกเนะ (จังหวัดชิกะ) |
2 เมษายน | 9 เมษายน |
โกเบ (จังหวัดเฮียวโกะ) |
28 มีนาคม | 5 เมษายน |
อ้างอิงข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น
https://www.data.jma.go.jp/sakura/data/sakura_kaika.html
https://www.data.jma.go.jp/sakura/data/sakura_mankai.html
สารบัญ |
1. เกียวโต (Kyoto) |
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
เกียวโต (Kyoto)
1. ซากุระกลางคืนต้องที่สวนมารุยามะ
Picture courtesy of Pixta
สวนมารุยามะ (Maruyama Park) คือ สวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1886 สวนญี่ปุ่นที่มีทั้งน้ำพุและต้นฟูจิ (วิสทีเรีย) ทำให้เราสามารถชมทัศนียภาพอันหลากหลายแตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาลได้ ภายในสวนมีร้านอาหารญี่ปุ่นและร้านกาแฟที่บริการขนมญี่ปุ่นตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ และยังมีลานแสดงดนตรีกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 3,000 คน เรียกได้ว่าเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจระหว่างเดินเที่ยวได้อีกด้วย
ในฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่นับเป็นสถานที่ชมซากุระขึ้นชื่อสุดคึกคักในหมู่นักท่องเที่ยวเพราะมีซากุระกว่า 800 ต้นบานสะพรั่งสวยงามสุดๆ ไฮไลท์อันดับ 1 ของที่นี่คือต้นซากุระพันธุ์กิ่งย้อยชิดาเระซากุระต้นใหญ่ที่ได้รับการขนามนามว่า "ซากุระยามค่ำคืนแห่งกิอง"
บรรยากาศยามค่ำคืนเมื่อประดับไฟนั้นเรียกได้ว่าเป็นทัศนียภาพสุดงามอันดับต้นๆ ในญี่ปุ่นเลยค่ะ การประดับไฟตอนกลางคืนจะมีในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินจนถึงเวลาเที่ยงคืนค่ะ
วิธีเดินทาง
- โดยรถไฟ
ลงรถที่สถานี Gion-shijo สาย Keihan Main Line เดินอีกประมาณ 10 นาที
- โดยรถบัส
จากสถานีเกียวโต ทางออกกลาง (Central Exit) ขึ้นรถบัสสาย 100 หรือสาย 206 ราคา 230 เยนไปลงที่ป้าย Gion แล้วเดินประมาณ 5 นาที
2. เจดีย์ 5 ชั้นท่ามกลางซากุระที่วัดไดโกะจิ
Picture courtesy of Pixta
หนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรม วัดไดโกะจิ (Daigoji) แห่งเกียวโต
นอกเหนือจากเป็นวัดที่มีผู้ศรัทธาแวะเวียนมาสักการะแล้ว วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เราสามารถชมสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า เจดีย์ 5 ชั้นอายุกว่าพันปี และ ซัมโปอิน สวนญี่ปุ่นที่สวยงามได้ในแห่งเดียว ในบรรดาของเก่าแก่ทั้งหมดในวัดนี้มีสมบัติของชาติอยู่ 75,522 ชิ้น และมีสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าอยู่ 425 ชิ้น นอกจากนั้นก็เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมเช่นพระพุทธรูปและภาพวาดอีกกว่า 150,000 ชิ้นเลยทีเดียว นับเป็นวัดที่มีบทบาทสำคัญในการสืบทอดวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานค่ะ
ภายในบริเวณอันกว้างใหญ่ของวัดแห่งนี้มีต้นซากุระอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นและทัศนียภาพของดอกซากุระได้อย่างเต็มอิ่ม ว่ากันว่าโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ โชกุนผู้ปกครองญี่ปุ่นราวเมื่อ 400 ก่อนก็มักมาชมดอกไม้ที่วัดไดโกะจิแห่งนี้ด้วย
เวลาเข้าชม
9:00 - 17:00 (ประตูเข้าปิด 16:30)
(เวลาของช่วงวันที่ 1 มีนาคม - วันอาทิตย์แรกของเดือนธันวาคม)
ค่าเข้าสักการะ
ผู้ใหญ่ 1,500 เยน นักเรียนมัธยมต้น-ปลาย 1,000 เยน นักเรียนประถมเข้าฟรี
(ราคาของช่วงฤดูใบไม้ผลิต วันที่ 20 มีนาคม-15 พฤษภาคม)
วิธีเดินทาง
- โดยรถไฟ
เดินจากสถานี Daigo สาย Subway Tozai Line ทางออกหมายเลข 2 เดินประมาณ 15 นาที
- โดยรถบัส
จากหน้าสถานีรถไฟ Kyoto ทางออก Hachijo Exit รอรถที่ป้ายหมายเลข H4 ขึ้นรถบัสของ Keihan Bus สายที่วิ่งไป Yamashina ใช้เวลา 30 นาที ลงที่ป้าย Daigoji ราคาผู้ใหญ่ 300 เยน เด็กไม่เกินประถม 150 เยน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
โอซาก้า (Osaka)
3. ดูซากุระสบายๆ ที่แม่น้ำโอคาวะ
Picture courtesy of ©Osaka Convention & Tourism Bureau
แม่น้ำโอคาวะ (Okawa River) ที่ไหลผ่านด้านหน้าของปราสาทโอซาก้า และยังเป็นที่ตั้งของจุดชมซากุระริมแม่น้ำขึ้นชื่อสองแห่งคือ สวน เคมะซากุระโนะมิยะ (Kema Sakuranomiya Park) บนฝั่งของเขต Miyakojima และ โรงกษาปณ์ (Japan Mint Bureau) ใกล้สะพาน Tenmabashi บนฝั่งของเขต Kita
โดยเฉพาะช่วงระหว่างสะพาน Tenmabashi จนถึงสะพาน Sakuranomiyabashi จะมีต้นซากุระถึงประมาณ 4,800 ต้น ทำให้มีผู้มาชมความงามของดอกซากุระอย่างเนืองแน่นทั้งกลางวันและกลางคืนกันเลยค่ะ
สวนเคมะซากุระโนะมิยะ เป็นสวนสาธารณะกว้างขวางยาวถึง 4.2 กิโลเมตรที่ครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำโอกาวะ ริมแม่น้ำทางฝั่งขวานั้นเรียงรายไปด้วยสถาปัตยกรรมต้นยุคเมจิ เช่น โรงกษาปณ์ และ เซ็มปุคัง (Senpukan) อาคารแบบตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุดในโอซาก้า
เสน่ห์ของที่นี่อยู่ที่เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูดอกซากุระบาน ถนนที่ขนาบไปด้วยต้นซากุระจะถูกย้อมไปด้วยสีชมพูสดใส ทำให้เราสามารถชมทัศนียภาพของแม่น้ำอันสวยงามได้ และสามารถเพลิดเพลินกับเรือสำราญชมดอกไม้ริมแม่น้ำโอกาวะได้ด้วย
วิธีเดินทาง
ด้วยรถไฟสาย JR สามารถลงที่สถานี Sakuranomiya สถานี Osakajo-kitazume หรือสถานี Tenmabashi ก็ได้
4. ปิกนิกพร้อมชมซากุระที่สวนอนุสรณ์บัมปาคุ
Picture courtesy of สำนักงานสวนอนุสรณ์บัมปาคุ โอซาก้า
สวนอนุสรณ์บัมปาคุ (The Expo’70 Commemorative Park) เป็นสวนสาธารณะที่ถูกสร้างในพื้นที่ของสถานที่จัดงานมหกรรมโลก World Expo เมื่อครั้งประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในปีค.ศ. 1970 อาคารส่วนใหญ่ถูกรื้อถอนไปหมดยกเว้น หอคอยพระอาทิตย์ (Tower of the Sun) ผลงานของ โอคาโมโตะ ทาโร ศิลปินผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่ยังคงตั้งตระหง่านและเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของโอซาก้า
ภายในสวนมีซากุระ 9 สายพันธุ์ เช่น โซเมโยชิโนะ และชิดาเระซากุระ รวมกว่า 5,500 ต้น โดยบริเวณหน้าหอคอยพระอาทิตย์จะเป็นซากุระสายพันธุ์ โอชิมะซากุระ มีจุดเด่นคือกลีบดอกสีขาวใหญ่ 5 กลีบและกลิ่นหอมจางๆ
ในสวนมีลานกว้างอยู่หลายแห่ง หากได้มานั่งปิกนิก ทานข้าวกล่องจิบดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมชมซากุระในสวนไปด้วยน่าจะดีไม่น้อยเลยค่ะ
ค่าเข้า (สวนญี่ปุ่น กับสวนธรรมชาติและวัฒนธรรม)
ผู้ใหญ่ 250 เยน เด็กไม่เกินมัธยมต้น 70 เยน
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟโอซาก้า โมโนเรล ลงที่สถานี Bampaku-kinen-koen หรือสถานี Koen-Higashiguchi
(หากต้องการไปหอคอยพระอาทิตย์ ให้ลงที่สถานี Bampaku-kinen-koen จะใกล้กว่า)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
นารา (Nara)
5. ชมสัตว์ใต้ต้นซากุระที่สวนสาธารณะนารา
Picture courtesy of Pixta
สวนสาธารณะนารา (Nara Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่อันเป็นที่ตั้งของมรดกโลกอย่างวัดโทไดจิ อาคารคลังสมบัติชาติโชโซอิน วัดโคฟุกุจิ ฯลฯ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของกวางป่าและกระรอกป่า ที่มักมาเดินเล่นใต้ต้นซากุระในฤดูใบไม้ผลิ
ภายในสวนจะมีซากุระสายพันธุ์ นาราโนะยาเอะซากุระ (Naranoyaezakura) เป็นซากุระพันธุ์กลีบซ้อน แต่มีจุดเด่นที่ดอกขนาดเล็กกว่าซากุระพันธุ์กลีบซ้อนอื่นๆ
การได้ชมซากุระท่ามกลางสีเขียวชอุ่มของผืนหญ้ากว้างใหญ่ แถมยังได้เห็นสัตว์น่ารักๆ ถือเป็นเสน่ห์ของที่นี่ค่ะ
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟสาย Kintetsu Nara Line ลงที่สถานี Kintetsu Nara ทางออกหมายเลข 3 เดิน 5 นาที
- นั่งรถไฟสาย JR ลงที่สถานี Nara ทางออกทิศตะวันออก (East Exit) เดิน 20 นาที
*หากนั่งรถไฟสาย JR ลงที่สถานี Nara แนะนำให้ใช้บริการรถบัส โดยออกจากทางออกทิศตะวันตก (West Exit) ด้านหน้าสถานีจะมีป้ายหมายเลข R12 รถบัส Gurutto Bus "Nara Park Route" ใช้เวลาประมาณ 9 นาที ราคา 100 เยน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
6. เที่ยวงานเทศกาลที่ปราสาทโคริยามะ
Picture courtesy of สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเมืองยามาโตะโคริยามะ
เมืองยามาโตะโคริยามะทางด้านเหนือของจังหวัดนารา เป็นที่ตั้งของจุดท่องเที่ยวยอดนิยมนั่นคือ เมืองรอบปราสาทและซากปราสาทโคริยามะ (Koriyama Castle)
บริเวณปราสาทโคริยามะที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1580 แห่งนี้เป็นจุดชมซากุระที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของนารา และมีอีกชื่อเรียกว่า โกะเท็นซากุระ (Gotenzakura) ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนที่ดอกซากุระบาน จะมีการจัดงาน "เทศกาลแห่งปราสาท ยามาโตะโคริยามะ" มีการประดับไฟให้ชมซากุระกลางคืน งานประกวดปลาทอง ขบวนพาเหรด และกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Kintetesu Kashihara Line ลงที่สถานี Kintetsu Koriyama เดินประมาณ 10 นาที
7. ให้โลกเป็นสีชมพูที่ภูเขาโยชิโนะ
Picture courtesy of ฝ่ายสนับสนุนการท่องเที่ยว เมืองโยชิโนะ
ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) ภูเขาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมทั้งลูกแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดนารา ด้วยซากุระกว่า 30,000 ต้นที่ขึ้นอยู่ทั่วภูเขา จึงได้รับการจัดให้เป็นสถานที่ชมซากุระขึ้นชื่ออันดับหนึ่งของญี่ปุ่น
พื้นที่บนเขาจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เริ่มจากด้านล่าง ชิโมะเซมบง (Shimosenbon) นากะเซมบง (Nakasembon) คามิเซมบง (Kamisembon) และสุดท้าย โอคุเซมบง (Okusembon) โดยซากุระจะเริ่มบานจากชิโมะเซมบง แล้วค่อยๆ ไล่ขึ้นไปสู่บนยอดเขาอย่างสวยงาม
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Kintetesu Yoshino Line ลงที่สถานี Yoshino
เดินประมาณ 3 นาทีไปยังสถานีกระเช้าโรปเวย์ Sembonguchi นั่งกระเช้าขึ้นไปสู่สถานี Yoshinoyama
โรปเวย์ใช้เวลา 3 นาที ผู้ใหญ่ 360 เยน เด็ก 180 เยน
สามารถชมความงามของซากุระบริเวณชิโมะเซมบงได้ระหว่างนั่งกระเช้า
* สามารถเดินเขาขึ้นไปได้สำหรับผู้ที่ต้องการไปชมบริเวณตั้งแต่ นากะเซมบง ขึ้นไป
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ชิกะ (Shiga)
8. รายล้อมไปด้วยซากุระ ที่ปราสาทฮิโกเนะ
Picture courtesy of สมาคมท่องเที่ยวฮิโกเนะ
ปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle) สมบัติชาติที่มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี
เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ซากุระที่รายล้อมปราสาทกว่า 1,200 ต้นจะพากันออกดอกสวยงาม และยังมีการประดับไฟให้ชมความงามของซากุระยามค่ำคืนด้วย
ปราสาทฮิโกเนะมีตัวมาสคอตยูรุคารา (Yuru Chara) ที่ชื่อว่า ฮิโกะเนียง ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการประกวดทั่วประเทศในปีค.ศ. 2010 มาแล้ว ฮิโกะเนียงจะออกมาทักทายนักท่องเที่ยววันละ 3 ครั้งเลยนะ ถ้าโชคดีเราอาจจะได้จับมือกับฮิโกะเนียงก็ได้
ค่าเข้าชม
ปราสาทฮิโกเนะ และสวนเก็งคิวเอ็น (Genkyuu-en) ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็กไม่เกินมัธยมต้น 200 เยน
วิธีเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟสาย JR สถานี Hikone ออกจากสถานีทางออกตะวันตก (West Exit) เดินประมาณ 20 นาที
เฮียวโกะ (Hyogo) หรือโกเบ (Kobe)
9. เพลิดเพลินกับซากุระได้ทั้งวันที่ปราสาทฮิเมจิ
ภาพจากบทความ : ไกด์นำเที่ยวฮิเมจิแบบจัดเต็ม! (ข้อมูลการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว ข้อมูลปราสาทฮิเมจิ ของฝาก)
ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทหลังใหญ่สีขาวโดดเด่นที่ได้รับขนานนามว่า "ปราสาทนกกระยางขาว" ปราสาทแห่งนี้ตั้งตระหง่านผ่านกาลเวลามากว่า 400 ปี โดยไม่ได้รับความเสียหายจากสงครามใดๆ เลยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก และยังเป็นสถานที่แรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของญี่ปุ่นอีกด้วย
ในพื้นที่รอบปราสาทมีต้นซากุระหลากพันธุ์ เช่น โซเมโยชิโนะ และชิดาเระซากุระ รวมกว่า 1,000 ต้นออกดอกสีชมพูช่วยประดับประดาปราสาทฮิเมจิให้สวยงาม จนได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สถานที่ชมซากุระทั่วญี่ปุ่น
นอกจากงานเทศกาลในช่วงกลางวันที่มีจัดกิจกรรมต่างๆ แล้ว ช่วงกลางคืนก็มีการประดับไฟด้วย ทำให้มีผู้คนมาเยี่ยมชมตลอดทั้งวัน
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็กไม่เกินมัธยมปลาย 300 เยน
วิธีเดินทาง
เดินทางโดยรถไฟสาย JR สถานี Himeji ทางออกกลาง (Central Exit) เดินประมาณ 20 นาที
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
10. ซากุระริมน้ำที่แม่น้ำชุคุกาวะ
Picture courtesy of ฝ่ายสวนสาธารณะ สำนักงานเขตนิชิโนะมิยะ
แม่น้ำชุคุกาวะ (Shukugawa River) เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองนิชิโนะมิยะด้านทิศตะวันออกของจังหวัดเฮียวโกะ พื้นที่สองฝั่งแม่น้ำเป็นสวนพักผ่อนหย่อนใจทั้งของชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน
จุดเด่นของที่นี่คือสามารถชมซากุระพันธุ์พิเศษที่มีเฉพาะในพื้นที่นี้ เช่น ชุคุกาวะไมซากุระ (Shukugawamai-zakura) นิชิโนะมิยะกงเก็งไดระซากุระ (Nishinomiyagongendaira-zakura) และพันธุ์อื่นๆรวม 1,660 ต้นได้ตลอดริมฝั่งแม่น้ำ และเคยได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สถานที่ชมซากุระทั่วญี่ปุ่นอีกด้วย
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Hankyu Kobe Line ลงที่สถานี Hankyu Shukugawa ทางออกทิศเหนือ (North Exit)
หรือรถไฟสาย Hankyu Koyo Line ลงที่สถานี Kurakuen-Guchi ทางออกทิศตะวันออก (East Exit) ออกจากสถานีจะเจอแม่น้ำทันที
เพลิดเพลินกับการชมซากุระในภูมิภาคคันไซ
ดอกซากุระเป็นดอกไม้ที่กลายมาเป็นวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นที่ขาดไม่ได้ไปซะแล้ว ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ซากุระเท่านั้น แต่ยังสามารถชมเมืองและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่นได้พร้อมๆ กันอีกด้วย อย่าลืมหาโอกาสมาเที่ยวชมซากุระที่ภูมิภาคคันไซในช่วงฤดูใบไม้ผลิให้ได้นะคะ
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง