ไกด์นำเที่ยว “อุจิ” ใกล้เมืองเกียวโตนิดเดียว!

อุจิ

“อุจิ” คือ เมืองเก่าที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจ.เกียวโต ที่นี่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น มรดกโลกอย่าง “Byōdō-in (วัดเบียวโดอิน)” เป็นต้น แถมยังขึ้นชื่อเรื่องชาอุจิอีกด้วย โดยสามารถนั่งรถไฟหรือรถแท็กซี่มาจากเมืองเกียวโตได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับใครที่วางแผนมาเที่ยวเกียวโตก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวอุจิกันด้วยนะคะ ^^

สารบัญ：

1.วิธีการเดินทางจากสถานีเกียวโตไปยังอุจิ
2.ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองอุจิ
3.แหล่งท่องเที่ยวแนะนำในอุจิ
4.แผนเที่ยวอุจิ
5.ของฝากแนะนำของอุจิ
6.ชาอุจิ
7.ร้านชาแนะนำในอุจิ
8.ชาเขียวญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางจากสถานีเกียวโตไปยังอุจิ

เมืองอุจิตั้งอยู่ติดกับเมืองเกียวโตเลย เดี๋ยวเรามาแนะนำวิธีการเดินทางจากเมืองเกียวโต (สถานีเกียวโต) มาถึงอุจิกันดีกว่าเนอะ

วิธีการนั่งรถไฟจากสถานีเกียวโตไปยังสถานีอุจิ

เราสามารถนั่งรถไฟจาก JR Nara Line「Kyoto Station」มาถึง Uji Station ได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที / เที่ยว (ในกรณีที่นั่งรถไฟ Miyako-ji Rapid Service ประมาณ 17 นาที) ค่าโดยสาร 240 เยน / เที่ยว

วิธีการนั่งแท็กซี่จากเกียวโตไปยังอุจิ

นอกจากนี้ เรายังสามารถนั่งแท็กซี่จาก Kyoto Station เข้าเมืองอุจิได้ด้วยนะเออ... โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 4,500 – 5,000 เยนขึ้นอยู่กับเส้นทางและสภาพการจราจร สำหรับใครที่พาครอบครัวมาเที่ยวหรือต้องแบกสัมภาระหนักก็ขอแนะนำให้ใช้บริการแท็กซี่ดูก็ไม่เลวเหมือนกัน ระยะเวลาในการเดินทางอย่างน้อย 30 นาที / เที่ยว

วิธีการนั่งรถบัสจากเกียวโตไปยังอุจิ

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่มีรถบัสสายตรงจากเมืองเกียวโตมาถึงเมืองอุจิเลย สำหรับใครที่ต้องการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะจึงขอแนะนำให้ใช้บริการรถไฟตามที่ได้แนะนำกันไปในข้างต้นจะดีกว่า

ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองอุจิ

“สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเมืองอุจิ (ศูนย์นักท่องเที่ยว)” และ “ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวยูเมริอะอุจิ อาคารหน้า JR Uji Station” เป็นศูนย์ให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยวเมืองอุจิแสนสะดวก

・สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเมืองอุจิ (ศูนย์นักท่องเที่ยว)

ที่อยู่ : 2 Tōgawa Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-23-3334

・ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวยูเมริอะอุจิ อาคารหน้า JR Uji Station

ที่อยู่ : Shimin Koryu Plaza 1F, 5-9 Satojiri,Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-22-8783

〜แหล่งท่องเที่ยวแนะนำในอุจิ〜

1. Byōdō-in (วัดเบียวโดอิน)

Byōdō-in (วัดเบียวโดอิน) คือ สถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยปรากฏอยู่ในเหรียญ 10 เยน สำหรับใครที่เดินทางมาเที่ยวอุจิถ้าเกิดพลาดถือว่ามาไม่ถึงเลยก็ว่าได้! ที่นี่มีไฮไลท์เป็น “พระอมิตาภพุทธะ”

ที่อยู่ : 116 Renge,Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-21-2861
เว็บไซต์หลัก : http://www.byodoin.or.jp/

2. Ujigami Shrine (ศาลเจ้าอุจิกามิ)

Ujigami Shrine (ศาลเจ้าอุจิกามิ) แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หลังจากใครเที่ยวชมวัดเบียวโดอินกันจนจุใจแล้วก็บอกเลยว่าห้ามพลาดที่นี่ด้วยจ้า...

ที่อยู่ : Yamada-59 Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-21-4634

3. Manpuku-ji (วัดมัมปุคุจิ)

Manpuku-ji (วัดมัมปุคุจิ) เป็นวัดสไตล์จีนทั้งสถาปัตยกรรมและพระพุทธรูปที่มีบรรยากาศสุดเอกลักษณ์ รับรองว่าเพื่อนๆจะได้สัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่แตกต่างจากวัดและศาลเจ้าทั่วไปอย่างแน่นอน โดยได้รับความนิยมทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยว

ที่อยู่ : 34 Sanbanwar Gokashō, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-32-3900
เว็บไซต์หลัก : http://www.obakusan.or.jp/index.html

4. Uji Shrine (ศาลเจ้าอุจิ)

Uji Shrine (ศาลเจ้าอุจิ) ขึ้นชื่อเรื่องเทพเจ้าแห่งการศึกษา ทำให้มีนักเรียน-นักศึกษาเดินทางมาขอพรให้สอบผ่านกันเป็นจำนวนมาก ถ้าเกิดใครแวะมาไหว้พระที่นี่อาจได้รับโชคลาภกลับไปกันก็ได้นะเออ...

ที่อยู่ : 1 Yamada Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-21-3041
เว็บไซต์หลัก : http://uji-jinja.com/

5. Mimurotoji (วัดมิมูโรโทจิ)

ดอกอาซาเลียและดอกไฮเดรนเยียที่บานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวนได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ บางครั้งจึงเรียกกันว่า “วัดแห่งดอกอาซาเลีย” แถมที่นี่ยังเป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นชื่ออีกต่างหาก

ที่อยู่ : Shigatani-21 Todō, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-21-2067
เว็บไซต์หลัก : http://www.mimurotoji.com/

6. The Tale of Genji Museum (พิพิธภัณฑ์นิทานเก็นจิ)

『นิทานเก็นจิ』เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงในประวัติศาสตร์วรรณกรรมญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “นวนิยายเรื่องยาวที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น” (มีทฤษฎีกล่าวไว้) นิทานที่แต่งโดย “มุราซากิ ชิคิบุ” นี้ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายแม้ในปัจจุบันซึ่งพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ก็คือ The Tale of Genji Museum (พิพิธภัณฑ์นิทานเก็นจิ) แห่งนี้นี่เอง

ที่อยู่ :45-26 HigashiuchiUji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-39-9300
เว็บไซต์หลัก : http://www.uji-genji.jp/

7. Ujibashi Bridge (สะพานอุจิบาชิ)

Ujibashi Bridge (สะพานอุจิบาชิ) แห่งนี้เป็นสะพานแขวนข้ามแม่น้ำอุจิที่ตั้งอยู่ห่างจาก JR Uji Station ประมาณเดินเท้า 5 นาที สำหรับใครที่ต้องการเดินจากสถานีอุจิไปยังศาลเจ้าอุจิกามิ, ศาลเจ้าอุจิ หรือพิพิธภัณฑ์นิทานเก็นจิจะต้องผ่านตรงนี้แหละ

แผนเที่ยวอุจิ

เนื่องจากเมืองอุจิตั้งอยู่ใกล้เมืองเกียวโตมาก เราจึงสามารถแวะมาเที่ยวตอนเดินทางมาเที่ยวเกียวโตได้อย่างสะดวกสบาย

ตอนเช้า：ออกเดินทางจาก Kyoto Station

ช่วงเช้า：เดินเล่นชม Byōdō-in (วัดเบียวโดอิน) อย่างชิลล์ๆ

ตอนเที่ยง：ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นของเกียวโต

ตอนบ่าย：ตระเวนเที่ยว Ujigami Shrine (ศาลเจ้าอุจิกามิ), Manpuku-ji (วัดมัมปุคุจิ) และ The Tale of Genji Museum (พิพิธภัณฑ์นิทานเก็นจิ)

ตอนเย็น：แวะพักดื่มชาอุจิรสเลิศตามร้านน้ำชา

ตอนกลางคืน：เดินทางกลับเมืองเกียวโต

ของฝากแนะนำของอุจิ

เมื่อเอ่ยถึง “อุจิ” แล้วจะต้องนึกถึงน้ำชากันอย่างแน่นอน! เนื่องจากที่นี่เต็มไปด้วยร้านน้ำชาเก่าแก่มากมาย หลายคนจึงอาจลังเลในการเลือกซื้อน้ำชากันใช่มั้ยเอ่ย? ผู้เขียนขอแนะนำให้ซื้อน้ำชาสำหรับตัวเองและซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆในกลุ่มหรือเพื่อนร่วมงานด้วยเลยค่ะ (ในหัวข้อต่อๆไปเราจะมาแนะนำชาอุจิและร้านน้ำชากัน)

นอกจากนี้ก็ยังมีของหวานที่ทำมาจากน้ำชาสำหรับซื้อกลับไปเป็นของฝากเพียบ! โดยขอแนะนำเป็นขนมปังกรอบรสชาอุจิและดังโกะที่ทำมาจากแป้งผสมชาเขียวอุจิ

แถมที่นี่ยังมีร้านจำหน่ายพวงกุญแจน่ารักๆและสินค้าจิปาถะเยอะแยะมากมายอีกด้วย

ชาอุจิ

“ชาอุจิ” คือ ชาเขียว (ไม่ได้ผ่านกระบวนการหมัก) ที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 ชาญี่ปุ่นคู่กับชาฟุกุโอกะและชาซายามะ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ขึ่นชื่อของเมืองอุจิและเกียวโตซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง คนญี่ปุ่นเรียกชาที่ปลูกใน 4 จังหวัดประกอบด้วยเกียวโต, นารา, ซากะ, มิเอะ และผ่านกระบวนการแปรรูปในเกียวโตว่า “อุจิฉะ (ชาอุจิ)” สำหรับใครที่วางแผนเดินทางมาเที่ยวอุจิก็บอกเลยว่าเป็นชาชั้นเลิศที่ต้องลิ้มลองกันให้ได้สักครั้ง หรือจะซื้อกลับไปเป็นของฝากก็ไม่เลวเหมือนกันนะ...

ร้านชาแนะนำในอุจิ

ต่อไปเราจะมาแนะนำร้านชาคัดสรรห้ามพลาดเมื่อได้มาเที่ยวเมืองอุจิกันค่ะ ที่นี่เป็นแหล่งรวมร้านชาและของหวานที่ทำมาจากน้ำชามากมายไม่ว่าจะเป็นน้ำแข็งใสรสชาเขียวและซอฟท์ครีมชาเขียว

1. Itoh kyuemon (อิโตคิวเอมอน) สาขาหลักอุจิ

ที่อยู่ : Aramaki-19-3 Todō, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-23-3955
วันหยุด : ไม่มี (ยกเว้นวันปีใหม่)
เวลาทำการ : 10:00～18:00 น. (สั่งได้ถึงเวลา 18:00 น.)
เว็บไซต์หลัก : http://www.itohkyuemon.co.jp/corporate/shop/uji/

2. Nakamuratoukichi (นากามูระโทคิจิ) สาขาหลัก

ที่อยู่ : Ichiban-10 Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-22-7800
วันหยุด : ไม่มี (แต่ควรเช็คล่วงหน้าเสมอ)
เวลาทำการ : ร้านจำหน่ายน้ำชา 10:00～18:00 น. คาเฟ่ 11:00～18:00 น. (สั่งได้ถึงเวลา 17:00 น.)
เว็บไซต์หลัก : http://www.tokichi.jp/

3. Fukujuen (ฟุกุจุเอ็น) โรงน้ำชาอุจิ

ที่อยู่ : Yamada-10 Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-20-1100
วันหยุด : วันจันทร์ (ในกรณีที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเลื่อนเป็นหยุดวันถัดไปแทน)
เวลาทำการ : 10:00～17:00 น.
เว็บไซต์หลัก : http://ujikoubou.com/teadormitory/

4. Tsuen (ซือเอ็น) สาขาหลัก

ที่อยู่ :１ Higashiuchi Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-21-2243
วันหยุด : ไม่มี (แต่ควรเช็คล่วงหน้าเสมอ)
เวลาทำการ : 9:30～17:30 น.
เว็บไซต์หลัก : http://www.tsuentea.com/

5. Masudachaho (มาสึดะชาโฮ)

ที่อยู่ : 21-3 Renge，Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-21-4034
วันหยุด : ไม่มี (แต่ควรเช็คล่วงหน้าเสมอ)
เวลาทำการ : 8:30～18:00
เว็บไซต์หลัก : http://www.localplace.jp/t000337223/

6. Terashimaya yahebe shouten (เทระชิมายะยาเฮเบโชเท็น)

ที่อยู่ :40-1 Renge, Uji, Uji-shi, Kyōto-fu
เบอร์โทรศัพท์ : 0774-22-3816
วันหยุด : วันอังคาร
เวลาทำการ : 10:00～18:00 น.
เว็บไซต์หลัก : ไม่มี

ชาเขียวญี่ปุ่น

ถ้าเกิดใครได้ศึกษาเรื่องชาญี่ปุ่น รับรองว่าจะช่วยให้ท่องเที่ยวอุจิได้อย่างสนุกสนานมากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น เดี๋ยวเราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับชาเขียวญี่ปุ่นกันค่ะ ^^

ก่อนอื่น ถึงแม้ว่าจะเรียกโดยรวมว่า “เรียวคุฉะ (ชาเขียว)” แต่หมายถึงชาทุกชนิดที่นำไปนึ่งและให้ความร้อนหลังจากเก็บเกี่ยว โดยหยุดกระบวนการหมัก ดังนั้นจึงรวมถึงเซ็นฉะ, บันฉะ, โฮจิฉะ, มัจฉะ และเกียวคุโระด้วย กล่าวคือ “เรียวคุฉะ” เป็นชื่อเรียกโดยรวมของชาทุกชนิดที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการหมักนั่นเอง ส่วนชาที่ผ่านกระบวนการหมักโดยสมบูรณ์จะเรียกว่า “โคฉะ”(ชาแบบฝรั่ง)

เอาล่ะ งั้นเรามาดูชาญี่ปุ่นขึ้นชื่อตามที่ได้ยกตัวอย่างไว้ในข้างต้นกันก่อนดีกว่า～

Sencha (เซ็นฉะ)

Sencha (เซ็นฉะ) คือ ชายอดนิยมที่ดื่มกันมากที่สุดในญี่ปุ่น ปลูกโดยการให้อาบแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ

Bancha (บันฉะ)

Bancha (บันฉะ) คือ ชาที่เก็บเกี่ยวช้าที่สุดในบรรดาชาทั้งหมด โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่ได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้มีรสเข้มมากนี่แหละ

Hojicha (โฮจิฉะ)

Hojicha (โฮจิฉะ) คือ ชาที่ผ่านการคั่วในอุณหภูมิสูงตามชื่อของมันเลยค่ะ โดยเป็นชาที่ถูกนำไปอบแห้งเพื่อให้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์

Matcha (มัจฉะ)

Matcha (มัจฉะ) นั้นถูกกำหนดแบบแผนการชงชาขึ้นมาโดย Sen no Rikyū ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 โดยมีชาวัตถุดิบหลักเป็น “เท็นฉะ” ซึ่งปลูกโดยการคลุมแปลงให้พ้นแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้ถูกควบคุมกระบวนการสังเคราะห์แสงแตกต่างจากเซ็นฉะ

Gyokuro (เกียวคุโระ)

Gyokuro (เกียวคุโระ) ก็เป็นชาที่ปลูกโดยการคลุมแปลงให้พ้นแสงแดดเช่นเดียวกับมัจฉะ เนื่องจากผ่านกระบวนการขั้นตอนหลายอย่างตั้งแต่เพาะปลูกไปจนถึงแปรรูป จึงมีราคาแพงกว่าชาชนิดอื่นๆ โดยเป็นที่รู้จักกันในอย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นชาชั้นเลิศราคาแพง

ถึงแม้ว่าจะเป็น “ชาเขียว” เหมือนกัน แต่ก็มีหลากหลายแบบมาก “อุจิฉะ” หมายถึง ชาที่ผ่านการแปรรูปในเกียวโต โดยเพาะปลูกกันใน 4 จังหวัดติดกันรวมถึงเกียวโตด้วย ดังนั้น เมื่อมีชาเกียวคุโระอุจิก็ต้องมีชามัจฉะอุจิด้วยใช่มั้ยล่ะคะ... โลกแห่งชาเป็นอะไรที่ลึกซึ้งมาก ถ้าเกิดใครมีโอกาสได้มาเที่ยวอุจิรับรองว่าจะต้องหลงใหลอย่างไม่รู้ตัวกันอย่างแน่นอน ^^
All photos by pixta