Start planning your trip
กูรูราเม็งขอบอก! แนะนำ 10 ราเม็งอร่อยขั้นเทพในชินจูกุ (Shinjuku) พลาดแล้วจะเสียใจ!
แนะนำราเม็งอร่อยขั้นเทพในชินจูกุ โดยกูรูราเม็งชาวญี่ปุ่นที่ทานราเม็งมาแล้วอย่างโชกโชนมากกว่า 5,000 ชาม ถ้าอยากทานสุดยอดราเม็งอร่อยเด็ดในชินจูกุ ต้องอ่าน MATCHA ไม่มีพลาดแน่นอน!
ชินจูกุ แหล่งรวมสารพัดร้านราเม็ง
เขตชินจูกุ ในโตเกียว สถานที่ที่มักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนอยู่เสมอ ในเขตนี้มีร้านราเม็งเปิดอยู่ไม่น้อย แถมแต่ละร้านก็มีฝีมือไม่ใช่ย่อย เป็นเขตที่มีร้านราเม็งแข่งขันกันอย่างดุเดือดจนเรียกว่าสมรภูมิราเม็งของโตเกียวได้เลย
ถ้าร้านราเม็งจะเยอะขนาดนั้น ทุกคนคงเลือกไม่ถูกว่าจะไปกินร้านไหนดีใช่ไหมครับ ในบทความนี้ ผู้เขียน ... ก็ตัวผมนี่แหละ! ยอมรับเลยว่าผมบ้าราเม็งมาก ทานราเม็งปีละประมาณ 900 ชาม (หรือวันละ 2.4 ชาม ... ก็คือกินมันทุกวันน่ะแหละครับ) จนถึงตอนนี้รวมแล้วก็กว่า 5,000 ชาม จะขอมาแนะนำร้านราเม็งที่คอนเฟิร์มว่าอร่อยจริงๆ จากการไปเดินตะลุยทานมาด้วยตัวเองในชินจูกุ
ไปดูกันเลย!
1. "Tsukemen Gonokami Seisakusho"
สึเคเม็งรสชาติเข้มข้นอันดับหนึ่งไม่เป็นที่สองรองใคร!
"สึเคเม็งกุ้งและมะเขือเทศ" เพิ่มไข่กับเนื้อ (ราคารวมภาษี 1,180 เยน)
สึเคเม็งที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดในโตเกียวแน่นอนว่าต้องยกให้ที่นี่ กับเมนู "Ebi tomato tsukemen (เอบิ โทมาโท สึเคเม็ง : สึเคเม็งกุ้งและมะเขือเทศ)" (ราคารวมภาษี 880 เยน) ของร้าน "Tsukemen Gonokami Seisakusho (สึเคเม็ง โกะโนะคามิ เซซาคุโชะ)"
ร้านนี้ไม่ใส่สารเคมีปรุงแต่งรสอาหารใดๆ แค่เพิ่มน้ำมันกุ้งหอมๆ ลงในซุปทงคตสึเกียวไค (*1) ที่มีรสเข้มข้นอยู่แล้ว ทำให้ได้ซุปราเม็งที่หอมและกลมกล่อม แต่ละคำที่ทานเข้าไปมันรู้สึกถึงรสชาติของกุ้งมากกว่าทานเนื้อกุ้งจริงๆ เสียอีก นี่เป็นสึเคเม็งที่ร้านอื่นยากจะลอกเลียน
ร้านราเม็งอื่นๆ ที่ใส่กุ้งในซุปก็มีเจอบ้างบางครั้งบางคราว แต่สู้ความอร่อยเป็นพิเศษของร้าน Tsukemen Gonokami Seisakusho นี้ไม่ได้เลย หากชอบทานกุ้งและราเม็ง แนะนำว่าต้องมาชิมที่นี่ให้ได้!
ร้านนี้เป็นร้านที่คิวยาวมากที่สุดในบรรดาร้านราเม็งชินจูกุที่จะแนะนำในบทความนี้ แม้อาจจะต้องเสียเวลารอบ้าง แต่ก็คุ้มค่าในการรอคอยอย่างแน่นอนครับ
* 1 : ซุปทงคตสึเกียวไค ... การนำซุปเกียวไคที่ได้จากอาหารทะเลและปลาคัตสึโอะตากแห้ง ผสมลงไปในซุปทงคตสึเข้มข้นจากกระดูกหมู เป็นซุปปกติที่ใช้สำหรับเมนูสึเคเมงในญี่ปุ่น
2. "Menya Syo สาขาใหญ่" น้ำซุปจากไก่รสเลิศ!
ร้านราเม็งยอดนิยมที่ได้รับความชื่นชมอย่างล้นหลามเป็นพิเศษไม่ใช่แค่ในชินจูกุ แต่ทั่วโตเกียวเลยคือร้าน "Menya Syo (เม็นยะ โช) สาขาใหญ่"
"Komi toridashi tokusei shioramen (โคมิ โทริดาชิ โทกุเซ ชิโอะราเม็ง : ราเม็งรสเกลือ น้ำซุปไก่กลิ่นหอมหวล" ในรูป (ราคารวมภาษี 990 เยน) ซุปใสที่เต็มไปด้วยรสกลมกล่อมของไก่คือเมนูที่ห้ามพลาดเด็ดขาด อร่อยจนแทบจะขอต่อชามที่สองแบบไม่ต้องคิดมากเลย
แม้ที่ตั้งของร้านจะอยู่ไกลจากสถานีเล็กน้อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะเดินทางไปทาน ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่มีชื่อเสียงที่ต้องไปในโตเกียว นอกจากนั้น พนักงานก็อัธยาศัยดีมาก พยายามจะสื่อสารกับเราอย่างกระตือรือร้น คอยต้อนรับและบริการลูกค้าเป็นอย่างดี
Menya Syo สาขาใหญ่ ยังมีชื่อเรื่องเมนูราเม็งแบบลิมิเต็ดที่ลูกค้าประจำหลายคนต่างเฝ้าคอยจะไปลิ้มลอง ที่แนะนำที่สุดก็ต้อง Miso ramen (มิโสะราเม็ง) เมนูพิเศษจำกัดเฉพาะวันพุธ หากได้ไปชินจูกุในวันพุธ ก็อย่าลืมแวะไปที่ Menya Syo สาขาใหญ่ ให้ได้ครับ
3. "Nicho-me Tsukemen GACHI" สึเคเม็งแบบพิเศษสไตล์อเมริกัน!
ในละแวกชินจูกุ ร้านราเม็งยอดนิยมที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณก็ต้อง "Nichome Tsukemen GACHI (นิโจเมะ สึเคเม็ง กาจิ)" พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกใช้ไก่มาทำซุปโทริไพตันอันเข้มข้นกับราเม็งเส้นใหญ่ทำเอง ได้ออกมาเป็นสึเคเม็ง เมนูขึ้นชื่อของร้าน
* 2 : ซุปโทริไพตัน ... ซุปที่ต้มจากโครงไก่ ซุปที่ได้จะเป็นสีขาวขุ่น ภายนอกอาจดูเหมือนซุปกระดูกหมู
ยิ่งกว่านั้นเมนู "Sio DX" (ราคารวมภาษี 990 เยน) ที่อยู่ในรูปยังเป็นราเม็งที่มาพร้อมท็อปปิ้งอย่างไข่ต้มและเมนมะ (หน่อไม้ดอง) ทอดใส่มาให้ แล้วก็ยังมีเมนูที่ปกติไม่มีขายในร้านราเม็งอย่างไก่ทอดด้วย!
นอกจากซุปแสนเข้มข้นกับเส้นที่มีปริมาณเยอะจุใจ หากสั่งไก่ทอดมาทานพร้อมไปด้วย ขากินต้องฟินมากแน่ๆ
ภายในร้านสร้างขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์ "ร้านสีเคเม็งสไตล์อเมริกัน" ตกแต่งภายในร้านด้วยพวกถังเหล็ก เหมือนเป็นฉากในหนังอเมริกันเลย เพดานสูงโปร่ง เพลิดเพลินกับการทานราเม็งและสึเคเม็งได้อย่างสบายๆ
นอกจากรสพื้นฐานอย่างชิโอะราเม็งแล้ว ยังมีรสเทริยากิด้วย ถึงในชินจูกุจะมีร้านราเม็งมากมาย แต่ราเม็งรสแบบนี้มีแค่ที่ Nichome Tsukemen GACHI เท่านั้น
นักท่องเที่ยวต่างชาติก็มาทานร้านนี้กันไม่น้อยเลย
4. "Menya Musashi สาขาใหญ่ Shinjuku" ผู้บุกเบิกกระแสราเม็ง!
"มุซาชิราเม็ง" พร้อมหมูสามชั้นกับไข่ต้ม (เพิ่มท็อปปิ้ง ราคารวมภาษี 1,150 เยน)
สาขาใหญ่ของ "Menya Musashi (เม็นยะ มุซาชิ)" ร้านราเม็งยอดนิยมที่เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกกระแสราเม็ง แม้ในปัจจุบันจะมีร้านราเม็งเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยฝีมือและความนิยมทำให้ร้านนี้หัวกระไดไม่เคยแห้งเลย
ราเม็งดับเบิ้ลซุปที่ได้จาก ซุปเนื้อสัตว์ ที่ต้มจากหมูและไก่ ผสมกับ ซุปสไตล์ญี่ปุ่น ที่ต้มจากปลาคัตสึโอะตากแห้งและนิโบชิ เป็นราเม็งที่พูดได้แค่ว่าห้ามพลาด!
การคิดค้นเมนูใหม่ๆ หรือราเม็งรสพิเศษแบบลิมิเต็ดอย่างไม่หยุดหย่อนของ Menya Musashi จึงเหมาะสมมากกับชื่อราชาแห่งวงการราเม็ง
Menya Musashi นอกจากที่ชินจูกุแล้ว ยังมีสาขาอื่นๆ ในแต่ละพื้นที่ของโตเกียว ส่วนใหญ่แต่ละร้านจะมีเมนูราเม็งที่มีคอนเซปต์แตกต่างกันให้บริการ หากถูกใจราเม็งของร้านที่สาขาใหญ่ชินจูกุแล้วล่ะก็ ลองแวะเวียนไปชิมที่สาขาอื่นดูด้วยก็ไม่เลวนะครับ
5. "Fuunji" สึเคเม็งซุปเกียวไครสเข้มข้น ของหายากในโตเกียว!
หากรู้สึกอยากรับประทานสึเคเม็งซุปเกียวไครสเข้มข้นล่ะก็ ต้องไปที่นี่ "Fuunji (ฟูอุนจิ)"
ซุปข้นถึงขั้นเส้นยังไม่หมดแต่น้ำซุปแทบจะไม่เหลือแล้วเลย ถ้าจะสั่ง "Tokusei tsukemen omori (โทคุเซ สึเคเม็ง โอโมริ : สึเคเม็งชามใหญ่)" แบบในรูป (ราคารวมภาษี 1,000 เยน) หรือถ้าจะสั่งเพิ่มเส้นที่ปริมาณมากกว่า โอโมริ (ขนาดใหญ่) ขึ้นไป ให้ระวังเรื่องปริมาณน้ำซุปจะไม่พอด้วยนะครับ
โดยส่วนตัวแล้ว แนะนำให้คีบเส้นแล้วจุ่มลงในซุปแค่ประมาณครึ่งนึงก็พอแล้วทานเลย ไม่ต้องจุ่มเส้นลงไปทั้งหมด แล้วจะสามารถอร่อยกับซุปและเส้นจนหมดชามได้พร้อมๆ กัน
พนักงานของร้าน Fuunji บริการดีและสุภาพมาก เพราะงั้นแม้ภายในร้านจะแน่นขนัด แต่ก็สามารถเพลิดเพลินกับราเม็งและสึเคเม็งได้อย่างไม่ต้องรีบร้อน แม้แถวต่อคิวจะยาว แต่การหมุนเวียนลูกค้าค่อนข้างเร็ว เพราะงั้นรอคิวไม่นานเลย
6. "Ebisoba Ichigen สาขา Shinjuku"
ชิมของขึ้นชื่อล่าสุดของเมืองซัปโปโรที่ชินจูกุ!
"Ebisoba Ichigen (เอบิโซบะ อิชิเก็น)" ร้านราเม็งขึ้นชื่อจากซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ที่บุกมาเปิดสาขาถึงชินจูกุ ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของร้านราเม็งที่ใช้กุ้งเป็นวัตถุดิบ เรียกได้ว่าร้าน Ebisoba Ichigen เป็นผู้บุกเบิกเลย
ซุปที่ได้จากกุ้งหวานปริมาณมากนี้ คือความอร่อยอันเข้มข้นจากรสกลมกล่อมของกุ้งที่คนรักกุ้งแทบจะหยุดทานไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นน้ำมันปรุงรส ก็ยังใช้น้ำมันกุ้งด้วย เป็นเมนูราเม็งที่อัดแน่นไปด้วยกุ้งตั้งแต่รสชาติไปจนถึงกลิ่นเลยทีเดียว
น้ำมันปรุงรส ... การนำวัตถุดิบอาหารที่มีกลิ่นหอมมาทอดในน้ำมัน เพื่อให้ได้น้ำมันที่มีกลิ่นหอม
ซุปราเม็งจากกุ้งนี้ได้กลายเป็นอาหารขึ้นชื่อใหม่ล่าสุดของเมืองซัปโปโรที่เป็นจุดกำเนิดของร้านนี้ไปเรียบร้อยแล้ว มีของอร่อยจัดมาให้ทานได้ง่ายๆ ในโตเกียวอย่างนี้ จึงมักแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าอยู่เสมอ
ราเม็งมี 3 รสชาติให้เลือก ได้แก่ โชยุ ชิโอะ (เกลือ) และมิโสะ และเลือกความเข้มข้นของซุปกุ้งได้ 3 ระดับ ถ้าเป็นคนที่ชอบกุ้งล่ะก็ ขอแนะนำเมนูที่สามารถดื่มด่ำกับรสชาติของกุ้งได้เน้นๆ อย่าง "Ebishio sonomama (เอบิชิโอะ โซโนะมะมะ)" (ราคารวมภาษี 780 เยน) แบบในรูปเลย
7. "Yakiago Shio Ramen Takahashi สาขาใหญ่"
ซุปแสนอร่อยจากปลาบิน!
คำว่า "Ago (อะโกะ)" ที่อยู่ในชื่อร้าน หมายถึงปลาบิน ซึ่งปลาบินย่างถือเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศราคาแพงในญี่ปุ่นเลย
ที่ร้าน "Yakiago Shioramen Takahashi (ยากิอาโกะ ชิโอะราเม็ง ทากาฮาชิ)" แห่งนี้เสิร์ฟราเม็งที่ใช้ "ปลาบินย่าง" เป็นส่วนประกอบแบบเต็มๆ ไม่มีกั๊กโดยเฉพาะเมนูแนะนำของร้านอย่าง "Yakiago shioramen (ยากิอะโกะชิโอะราเม็ง : ราเม็งรสเกลือซุปปลาบิน)" (ราคารวมภาษี 800 เยน) ที่พิเศษตรงรสชาติเข้มข้นและซุปที่สัมผัสได้ถึงวัตถุดิบต่างๆ ที่คัดสรรมาอย่างดี
รสชาติทั้งหลายรวมกับรสสัมผัสของเส้นที่นวดด้วยมือ กลายมาเป็นรสที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนจากราเม็ง มีความอร่อยและความเป็นออริจินัลอยู่ด้วยกัน
หลังจากทานเส้นราเม็งหมดแล้ว แนะนำให้เอาซุปที่เหลือไปราดข้าวทานเหมือนเป็นโอฉะสึเกะ (ข้าวราดน้ำชา)
บรรยากาศภายในร้านที่สว่างสดใส สะอาดสะอ้าน รวมถึงความสุภาพในการบริการของพนักงาน ก็ทำให้ร้านนี้น่าไปขึ้นมาอีก นอกจากนั้นในตอนนี้ (เดือนมีนาคม ปี 2018) ร้าน Yakiago Shioramen Takahashi ยังมีสาขาอื่นๆ ที่กินซ่าและอุเอโนะด้วย ลองแวะไปดูหลังจากเดินเที่ยวหรือช้อปปิ้งก็ได้ครับ
8. "Misoya Hachiro Shoten สาขา Shinjuku"
หนึ่งในแบรนด์ราเม็งของร้านดัง!
"Misoya Hachiro Shoten (มิโซะยะ ฮะจิโร โชเท็น)" ร้านที่ขายราเม็งมิโซะโดยเฉพาะ ที่บริหารจัดการโดย "Nantsuttei (นันสึตเต)" ร้านราเม็งชื่อดังที่ขยายสาขาไปสู่ต่างประเทศอย่างสิงคโปร์และประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
"Miso ramen (มิโซะราเม็ง)" (ราคารวมภาษี 780 เยน) ที่ผสมผสานรสของน้ำซุปกระดูกหมูทงคตสึกับซอสมิโซะและ "คุโระมายุ" น้ำมันงากระเทียมคั่วสูตรต้นตำรับ ให้รสชาติเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์
ส่วนเส้นก็ใหญ่และนุ่มหนึบไม่แพ้ซุปที่มีรสชาติเข้มข้น แถมยังสั่งเป็นชามใหญ่เพิ่มเส้นได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม โปะมาด้วยผักนานาชนิด เช่น ถั่วงอกให้เต็มชาม เป็นราเม็งชามใหญ่ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าผู้ชายมาก
นอกจากมิโซะราเม็งธรรมดาแล้ว ยังมีมิโซะราเม็งที่มีเอกลักษณ์อีกหลายเมนูอย่าง มิโซะราเม็งแกงกะหรี่ มิโซะราเม็งมะเขือเทศ เป็นต้น โดยส่วนตัวแล้วอยากแนะนำ "Curry miso ramen (คาเร่ มิโซะ ราเม็ง : มิโซะราเม็งแกงกะหรี่)" (ราคารวมภาษี 900 เยน) พอทานเส้นหมดแล้วก็ใส่ข้าวในซุป แล้วลองทานดูนะครับ
9. "Sugoi Niboshi Ramen Nagi
สาขา Shinjuku Goldengai Honkan"
นิโบชิสุดพิเศษหนึ่งเดียวในหล้า!
แม้ในชินจูกุจะมีร้านราเมงซุปนิโบชิ (*3) อยู่หลายร้าน โดยส่วนตัวแล้วขอแนะนำที่นี่ "Sugoi Niboshi Ramen Nagi (สุโก้ย นิโบชิ ราเม็ง นากิ)"
ซุปที่ใช้ในเมนู "Sugoi niboshi ramen (สุโก้ย นิโบชิ ราเม็ง)" (ราคารวมภาษี 820 เยน) เมนูชื่อเดียวกับชื่อร้านนี้ ทำมาจากนิโบชิที่คัดสรรมาเป็นพิเศษจากทั่วญี่ปุ่นมากกว่า 20 ประเภท ปรุงรสอย่างเข้มข้นได้เป็นนิโบชิราเม็งที่ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน และเลียนแบบไม่ได้แน่นอน
ซุปที่ไม่ค่อยมีรสขมของนิโบชิ ทำให้คนส่วนใหญ่ทานได้ง่าย รสชาติก็มีเอกลักษณ์ควบคู่กัน สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบหรือไม่ค่อยทานปลาก็อยากให้ลองชิมเมนูนี้กันดู ตัวเส้นที่ร้านทำเองมีลักษณะเป็นลอนและเส้นใหญ่ เข้ากับน้ำซุปได้ดีมาก
Sugoi Niboshi Ramen Nagi แห่งนี้ แค่ที่ชินจูกุก็มีถึง 3 สาขา โดยเฉพาะ 2 สาขาที่โกลเด้นไก (Goldengai) กับคาบุกิโจ (Kabukicho) ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง จะเป็นมื้อเที่ยงหรือหลังจากดื่มตอนเย็น ก็สามารถแวะไปทานได้ไม่ยาก
* 3 : นิโบชิ ... การนำปลาตัวเล็กมาต้มและตากแห้ง มักนำมาใช้สำหรับต้มเอาน้ำมาทำเป็นซุป
10. "Ramen Tatsunoya สาขา Shinjuku Otakibashi-dori"
รสชาติทงคตสึราเม็งแบบต้นตำรับ รสชาติแห่งฟุกุโอกะ!
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Ramen Tatsunoya
"Ramen Tatsunoya (ราเม็ง ทัตสึโนะยะ)" ร้านราเม็งยอดนิยมที่ขยายสาขามาจากจังหวัดฟุกุโอกะ แหล่งกำเนิดทงคตสึราเม็ง (ราเม็งซุปกระดูกหมู) น้ำซุปรสชาติเข้มข้นแต่กลมกล่อมทำให้ซดทานง่าย
"Tonkotsu kokuaji (ทงคตสึ โคขุอะจิ)" (ราคารวมภาษี 800 เยน) ปรุงด้วยน้ำมันปรุงรสจากกระเทียมและมิโซะรสเผ็ด ที่พอผสมรวมกับน้ำซุปทงคตสึ ก็ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากนั้น บนโต๊ะยังมี Karashi takana (คาระชิทาคานะ) (*4) ผักดองผัดเผ็ด และ Karashi moyashi ถั่วงอกผัดเผ็ดเป็นท็อปปิ้งให้ด้วย พอทานราเม็งไปได้สักครึ่งหนึ่งก็ลองเปลี่ยนรสชาติด้วยการใส่ท็อปปิ้งดูได้ครับ
เมนูพิเศษที่มีขายเฉพาะในโตเกียวอย่าง "Tsukemen motsu (สึเคเม็ง มตสึ)" (ราคารวมภาษี 850 เยน) ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก มีเครื่องการันตีคือรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 จากงาน "Dai Tsukemen Haku" งานประกวดที่รวบรวมร้านราเม็งที่มีชื่อเสียงมาจากทั่วประเทศ
* 4 : Karashi takana (คาระชิทาคานะ) ... เป็นการนำผักทานใบ ชื่อว่า ทาคานะ ไปดองพร้อมพริก แล้วผัดด้วยน้ำมัน
ไปค้นหาร้านราเม็งแสนอร่อยที่ชินจูกุกัน
ไม่ว่าจะวันไหน เวลาไหน ชินจูกุก็ครึกครื้นไปด้วยผู้คนอยู่เสมอ ร้านราเม็งก็มากมายและหลากหลาย หลายๆ ร้านเปิดบริการถึงดึกและไม่ค่อยมีวันหยุด เรียกได้ว่าเป็นความพิเศษของร้านราเม็งในชินจูกุเลย
ถ้าเกิดอยากไปทานราเม็งแถวชินจูกุ อย่าลืมตามลายแทงร้านเด็ดๆ ในบทความนี้ดูนะครับ
旅と音楽とラーメンをこよなく愛するエンジニア。 中学生のときにオーストラリアでホームステイしたことをきっかけに、学生時代はバックパッカーにハマる。そんな中で改めて日本の良さを実感し、それをもっと世界中に広めたいと思ってMATCHAのライターに。 マイブームはカメラで、最近はHDRとタイムラプスに挑戦中。
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง