Start planning your trip
เที่ยวเมืองท่าในเกียวโต เมืองไมซุรุในสองบรรยากาศ ตะวันออก VS ตะวันตก
ไมซุรุอยู่ทางเหนือของเกียวโต เป็นเมืองท่าติดทะเล ฝั่งตะวันออก-ตะวันตกมีบรรยากาศต่างกันมาก ฝั่งตะวันตกเป็นแนวญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีซากปราสาทและหมู่บ้านชาวประมง ฝั่งตะวันออกมีท่าเรือที่มีอาคารกองทัพเรือสมัยใหม่ บทความนี้ขอแนะนำเสน่ห์รวมถึงอาหารรสเลิศและกิจกรรมน่าสนใจของฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตก!
เสน่ห์ที่แตกต่างของเมืองไมซุรุฝั่งตะวันออก-ตะวันตก
ไมซุรุ (Maizuru) เมืองท่าตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต ฝั่งตะวันออกและตะวันตกของเมืองมีบรรยากาศที่น่าสนใจต่างกัน ฝั่งตะวันตกมีท่าเรือประมงและบ้านเมืองในบรรยากาศสมัยเอโดะ ส่วนฝั่งตะวันออกมีอดีตอาคารฐานทัพเรือของสมัยเมจิที่ดูร่วมสมัยกว่า มาดูเสน่ห์ของแต่ละฝั่งกัน
ไมซุรุตะวันตก อบอวลด้วยกลิ่นอายของยุคสมัยเก่า
ประวัติศาสตร์ของเมืองไมซุรุเริ่มต้นมาจากไมซุรุฝั่งตะวันตก
โฮโซคาวะ ฟุจิทากะ (หรือโฮโซคาวะ ยูไซ) ผู้ปกครองดินแดนบริเวณนี้ในยุคเซ็นโกคุ (ยุคสงครามกลางเมือง) ได้สร้างปราสาททานาเบะ (Tanabe Castle) ขึ้นมา ซึ่งมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ปราสาทบุคาคุ (Bukaku Castle) ตัวอักษรคันจิของบุคาคุถูกนำมาใช้เป็นชื่อเมืองโดยอ่านออกเสียงแบบญี่ปุ่นว่าได้ว่า ไมซุรุ
ก่อนที่สงครามเซคิกาฮาระ (Sekigahara no Tatakai หรือ Battle of Sekigahara ในปี ค.ศ. 1600) จะจบสิ้นลงและเกิดโทคุกาวะบาคุฟุ (รัฐบาลโชกุนโทคุกาวะ) ปราสาททานาเบะถูกกองทัพฝ่ายต่อต้านโทคุกาวะปิดล้อมนาน 2 เดือน
โฮโซคาวะ ฟุจิทากะได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ สกัดกั้นกองทหารข้าศึกร่วม 15,000 นาย ทั้งที่ตนมีกองทหารเพียง 500 นาย ซึ่งกล่าวว่ามีส่วนทำให้กองทัพของโทคุกาวะได้รับชัยชนะ โทคุกาวะ อิเอยาซุ จึงชมเชยโฮโซคาวะ ฟุจิทากะอย่างมาก ที่สามารถปกป้องปราสาททานาเบะไว้ได้
ตัวปราสาทในสมัยนั้นแทบไม่เหลือแล้ว ยกเว้นบางส่วนอย่างกำแพงหินของฐานป้อมปราสาท แต่เราสามารถดูภาพปราสาทในสมัยนั้นได้ที่ พิพิธภัณฑ์ปราสาททานาเบะ (Tanabe Castle Museum) ประตูใหญ่ของปราสาทได้รับการบูรณะโดยอ้างอิงจากประตูใหญ่ของปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ปราสาทที่มีชื่อเสียงของเกียวโต
โรงแรมแนะนำใกล้พิพิธภัณฑ์ปราสาททานาเบะ
อร่อยไปกับขนมหวานในย่านการค้าเก่าแก่
ย่านที่เคยเป็นเมืองรอบปราสาททานาเบะนี้ ปัจจุบันกลายเป็นย่านการค้าที่มีมาจิยะในบรรยากาศสมัยเอโดะ และอาคารโกดังแบบญี่ปุ่น
ย่านการค้าฮิราโนยะ (Hiranoya Shotenkai) หนึ่งในย่านการค้าที่ตกแต่งด้วยประตูโค้งสีสันสดใส ว่ากันว่าการออกแบบดังกล่าวได้รับอิทธิพลจากชาวรัสเซียที่เคยแวะเวียนมายังเมืองนี้
ย่านการค้านี้ยังมีร้านขนมหวานมากมาย หนึ่งในนั้นคือยุเมคาโบะ มิยาชิตะ (Yumekabo Miyashita) ร้านวากาชิ (ขนมญี่ปุ่น) แบบดั้งเดิม แต่ก็ขายขนมหวานแบบตะวันตกด้วยนะ
รูปบนคือไอศกรีมหวานเย็นรสผลไม้ (Fruit Ice Candy ราคารวมภาษี 160 เยน) ที่มีจำหน่ายเฉพาะฤดูร้อน ทำด้วยแป้งคุซุ เนื้อหยุ่นๆ แต่แน่น ละลายช้า ที่สำคัญคืออร่อยด้วยค่ะ
โรงแรมแนะนำใกล้มิยาชิตะ ยูเมะคะโบะ
อาเมโระ บิสโตร อาร์ล (Ameiro Bistro Arles) ร้านอาหารอิตาเลียนในบรรยากาศเงียบสงบ ที่นี่เราจะได้ลิ้มรสอาหารอิตาเลียนแสนอร่อย รวมทั้งขนมหวานโฮมเมด
ยังมีสินค้าที่ซื้อกลับบ้านได้ด้วย ที่ขายดีมากคือพุดดิ้งไมซุรุ (Maizuru Pudding) ราคาไม่รวมภาษี รสออริจินัล 320 เยน รสมัทฉะ 350 เยน
โรงแรมแนะนำใกล้Ameiro Bistro Arles
โยชิฮาระ อิริเอะ หมู่บ้านชาวประมง เมืองเวนิสของซีกโลกตะวันออก
โยชิฮาระ อิริเอะ (Yoshihara Inlet อ่าวโยชิฮาระ) อยู่ทางเหนือของไมซุรุตะวันตก อบอวลด้วยบรรยากาศของหมู่บ้านชาวประมงสมัยเก่า แม้ปัจจุบันก็ยังมีเรือหลายลำจอดอยู่ มีบ้านหลายหลังตั้งเรียงรายอยู่ริมอ่าว ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่คล้ายคลึงกับหมู่บ้านอิเนะ (Ine) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อิเนะ โนะ ฟุนายะ (Ine no Funaya)
* ฟุนายะ ... บ้านที่มีลักษณะเป็นโรงเรืออยู่ติดทะเล โดยชั้นบนเป็นที่พัก ส่วนชั้นล่างเป็นโรงจอดเรือ
จุดถ่ายรูปยอดนิยมในโยชิฮาระ อิริเอะคือทิวทัศน์ท่าเรือประมงที่มีเรือจอดเรียงรายอยู่ ถึงเป็นตรอกแคบๆ แบบนี้ แต่ก็สัมผัสได้ถึงเรื่องราวเล็กๆ ของผู้คนในเมือง
โรงแรมแนะนำใกล้โยชิฮาระ อิริเอะ
โรงอาบน้ำสาธารณะ 2 แห่งที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่มีรูปร่าง
นิชิไมซุรุมีโรงอาบน้ำสาธารณะ 2 แห่ง คือ วาคาโนะยุ (Waka-no-Yu) และ ฮิโนเดะยุ (Hinode-Yu) ซึ่งเปิดกิจการมานานกว่า 100 ปี ทั้ง 2 แห่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่มีรูปร่าง
วาคาโนะยุ อยู่ในย่านการค้าฮิราโนยะ เปิดกิจการในปี 1903 เนื่องจากได้รับกระแสนิยมของยุคสมัยนั้น อาคารจึงมีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมตะวันตก
โดยทั่วไปโรงอาบน้ำสาธารณะในคันไซไม่มีการวาดภาพบนฝาผนัง แต่คุณวาไคเจ้าของวาคาโนะยุได้เชิญคุณนาคาจิมะ โมริโอ จิตรกรวาดภาพโรงอาบน้ำสาธารณะระดับปรมาจารย์ซึ่งปัจจุบันในญี่ปุ่นมีเพียง 3 คน มาช่วยวาดภาพภูเขาไฟฟูจิ 2 ภาพ
เอกลักษณ์หนึ่งของที่นี่ คือภาพฝาผนังในห้องอาบน้ำชายเป็นภาพภูเขาไฟฟูจิผสานกับอามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate) ซึ่งเป็นการจับคู่เป็นไปไม่ได้ แต่นั่นก็ทำให้ที่นี่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
* อามาโนะฮาชิดาเตะ ... อีกหนึ่งที่เที่ยวของเกียวโต เด่นตรงเนินทรายแคบๆ ทอดยาวราวกับถนนเชื่อมเกาะเข้าด้วยกัน ดูแล้วเหมือนสะพานที่ทอดผ่านท้องฟ้าจึงได้รับการขนานนามว่า อามาโนะฮาชิดาเตะ แปลว่า สะพานที่ทอดยาวสู่สวรรค์
โรงแรมแนะนำใกล้วากาโนยุ
ส่วนโรงอาบน้ำอีกแห่ง ฮิโนเดะยุ อยู่ใกล้กับโยชิฮาระ อิริเอะ ไม่ทราบแน่ชัดว่าเริ่มเปิดกิจการเมื่อใด แต่ว่ากันว่าน่าจะเปิดมานานเกิน 100 ปีแล้ว
เดิมเคยดำเนินกิจการร่วมกันกับชุมชน ที่ชั้น 2 มีพื้นที่พักผ่อนและห้องจัดเลี้ยง ปัจจุบันครอบครัวคุณทาคาฮาชิซึ่งเป็นเจ้าของดูแลบริหารงานอย่างกระตือรือร้น
ภายนอกเป็นมาจิยะแบบดั้งเดิม มีอ่างอาบน้ำเล็กแต่แสนสบายที่ปูกระเบื้องสวยงาม ในแบบโรงอาบน้ำสาธารณะทั่วไปของคันไซ
* มาจิยะ ... อาคารที่รวมทั้งร้านค้าและที่อยู่อาศัยไว้ในแห่งเดียวกัน โดยตั้งเรียงรายติดกันหลายหลังตามถนนใหญ่ภายในเมือง
กระเบื้องส่องประกายวิบวับจากการทำความสะอาดอย่างใส่ใจทุกวัน การผสานกันระหว่างสีเขียวอ่อน สีชมพู และสีฟ้าอ่อนดูสดใสน่ารักมาก!
โรงแรมแนะนำใกล้ฮิโนเดยุ
ไมซุรุตะวันออก ท่าเรือเก่าที่อบอวลด้วยบรรยากาศสมัยใหม่
เมื่อข้ามสันเขาไปก็จะถึงไมซุรุตะวันออก
ตรงกันข้ามกับฝั่งตะวันตกซึ่งมีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ทางฝั่งตะวันออกนี้เรียงรายไปด้วยอาคารกองทัพเรือเก่าและโกดังอิฐแดงที่สร้างขึ้นด้วยเทคนิคการก่อสร้างสมัยใหม่กว่า
อาคารฐานทัพเรือรูปโฉมใหม่! ไมซุรุอากาเร็งกะพาร์ค
ไมซึรุเคยเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ ปัจจุบันยังมีอาคารต่างๆ คงเหลืออยู่มากมาย
หนึ่งในนั้นคือ Maizuru Red Brick Park ที่นำโกดังอิฐสีแดงมาดัดแปลง ปัจจุบันมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก
Maizuru Red Brick Park เป็นสถานที่ถ่ายทำผลงานต่างๆ อย่างละครโทรทัศน์เรื่องนักสู้กู้ปฐพี (Sakanoue no Kumo ที่เคยฉายทางช่อง 9) และอนิเมะยอดนิยม แขนกล คนแปรธาตุ (Fullmetal Alchemist) หากมาที่นี่ ลองถ่ายรูปที่มีโกดังอิฐสีแดงงดงามเป็นฉากหลังให้ได้นะคะ!
ปัจจุบันท่าเรือคิตะซุย (Kitasui Pier's Quay) ก็ยังถูกใช้งานโดยกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล สามารถเข้าได้เฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดเท่านั้น (* 1) หากนั่งเรือนำเที่ยวในวันธรรมดา เราจะได้เห็นเรือรบลำใหญ่และปืนใหญ่ด้วยนะคะ
บางส่วนของโกดังอิฐสีแดงเปิดให้เข้าชมโดยต้องจองล่วงหน้า ถ้าสนใจก็ดูข้อมูลการจองที่เว็บไซต์นะคะ
* 1 ... ปัจจุบัน ณ เดือนธันวาคม 2020 ปิดให้เข้าชมชั่วคราว
แกงกะหรี่ทหารเรือ เมนูวันศุกร์ของเหล่าทหารเรือ
เวลาที่ออกเรือไปในทะเลนานๆ เหล่าทหารเรือจะสับสนเรื่องของวันได้ง่าย ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร เลยทำแกงกระหรี่เป็นเมนูประจำวันศุกร์เพื่อช่วยเตือนวัน ปัจจุบันกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลก็ยังคงสืบทอดวัฒนธรรมนี้อยู่
วิธีทำแกงกะหรี่ในสมัยนั้นมีบันทึกไว้ในหนังสืออ้างอิงเทคนิคการทำอาหารของทหารเรือ แต่ปัจจุบันว่ากันว่าเรือแต่ละลำจะมีสูตร รสชาติ แบะส่วนผสมเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ไคกุนคาเระ (แกงกระหรี่ทหารเรือ) สามารถไปรับประทานได้ที่ร้านอาหารใน Maizuru Red Brick Park แต่ถ้าอยากลิ้มรสสูตรอาหารในเวลานั้น ขอแนะนำโชเอคัง (Shoeikan) ร้านอาหารทหารเรือใกล้ท่าเรือ
ว่ากันว่า ปี 1904 ที่นี่เริ่มต้นเปิดบริการในฐานะเรียวกัง มีบุคลากรของกองทัพเรือมาใช้บริการบ่อยๆ การตกแต่งภายในและภายนอกของที่นี่เป็นแบบผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นกับตะวันตก
ที่นี่มี ไคกุนคาเระไรซุ (ข้าวแกงกระหรี่ทหารเรือ ราคารวมภาษี 1,000 เยน) ที่ทำตามสูตรดั้งเดิมในสมัยนั้น โดยได้จำลองรสชาติดั้งเดิมทั้งหมดอย่างจริงจังตั้งแต่ส่วนประกอบของเครื่องเทศไปจนถึงวิธีการหั่นส่วนผสม
ร้านโชเอคังยังมีเมนูและขนมหวานอื่นๆ ที่ทำขึ้นตามวิธีปรุงในหนังสืออ้างอิงเทคนิคการทำอาหารของทหารเรือ ต้องลองชิมให้ได้นะคะ
ลิ้มรสเมนูแสนอร่อยของทหารเรือในย่านการค้า!
ย่านการค้าของไมซุรุตะวันออกยังมีอาหารอื่นๆ แบบในหนังสืออ้างอิงเทคนิคการทำอาหารของทหารเรือจำหน่ายด้วย นั่นคือไคกุนโรรุและนิคุจากะ
* นิคุจากะ ... เนื้อวัวต้มกับมันฝรั่ง แครอท หอมหัวใหญ่ ปรุงรสชาติด้วยน้ำตาล โชยุ และอื่นๆ
ชาวทหารเรือก็ให้ความสำคัญกับของหวานพอๆ กับแกงกระหรี่นะ รูปบนคือไมซุรุไคกุนโรรุ (โรลเค้กทหารเรือไมซุรุ) (ราคารวมภาษี 980 เยน) ที่ร้านโทเก็ตสึโด (Togetsudo) ร้านขนมเก่าแก่ได้พัฒนาจากสูตรขนมดั้งเดิมนิดหน่อย จนได้รสชาติเบาๆ หวานเล็กน้อย
ว่ากันว่านิคุจากะ แท้จริงแล้วได้รับการคิดค้นโดยทหารเรือซึ่งอยู่ในฐานทัพเรือไมซุรุเช่นกัน
เราขอแนะนำนิคุจากะโครกเกะแบบต้นตำรับ (ราคารวมภาษี 120 เยน) ของร้านซาไกเซนิคุเท็น (Sakai Meat Shop ร้านขายเนื้อซาไก) และไคคุนคาเระโครกเกะ (โครกเกะแกงกระหรี่ทหารเรือ ราคารวมภาษี 100 เยน)
วันเดียวไม่พอแน่ มาพักที่ไซคาอันดีกว่า
ไมซุรุมีลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างกันระหว่างฝั่งตะวันออกกับตะวันตก ถ้าจะไปแค่วันเดียวแล้วต้องรีบเที่ยวก็ดูน่าเสียดายไปหน่อย อยากแนะนำให้วางแผนเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน โดยแบ่งเที่ยวฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตกคนละวันจะเหมาะกว่าค่ะ
ที่พักในนิชิไมซุรุ ขอแนะนำไซคาอัน (Saika-An)
ไซคาอัน เดิมเป็นร้านขายบุหรี่ อาคารแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่า 130 ปี ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีจนถึงปัจจุบัน
คุณนากาโอะ เจ้าของปัจจุบันดัดแปลงอาคารเป็นเกสต์เฮาส์สไตล์บ้านโบราณ โดยยังคงรักษาบรรยากาศความงดงามแบบดั้งเดิมเอาไว้ทั้งหมด นอกจากนี้จากห้องพักยังมองเห็นวิวสวนสวยได้ด้วยค่ะ
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ไซคาอันได้มีการต่อเติมอาคารเพิ่ม ตัวอาคารยังเป็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ภายในมีผสมผสานทั้งแบบตะวันตกสมัยใหม่เข้าไปด้วย ห้องครัวก็มีให้พร้อม
ไม่ว่าจะเลือกพักอาคารแบบไหน ก็สามารถไปแช่โรงอาบน้ำสาธารณะได้ฟรีและมีจักรยานให้เช่าฟรีด้วย เมื่อมาถึงไมซุรุตะวันตก ก่อนอื่นก็เอากระเป๋าสัมภาระมาวางไว้ที่นี่แล้วไปปั่นจักรยานชมรอบๆ กัน
โรงแรมแนะนำใกล้Saika-an ที่พักแบบบ้านโบราณ
สถานที่แนะนำอื่นๆ
ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของไมซุรุ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ท้ายสุดนี้ ยังมีสถานที่แนะนำอีก 2 แห่งค่ะ
สัมผัสประสบการณ์การทำคามาโบโกะที่นิชิไมซุรุ
ไมซุรุเป็นเมืองท่าติดทะเลที่สามารถจับปลาได้หลากหลายชนิด คามาโบโกะที่อัดแน่นด้วยรสชาติความสดอร่อยนี้จึงเป็นของฝากที่ดีที่สุด
ไมซุรุตะวันตกมีเวิร์กชอปสอนทำคามาโบโกะโฮมเมดจากพ่อครัวแม่ครัวตัวจริงด้วย ชิคุวะย่างและเท็มปุระที่ได้ลองทำก็สามารถรับประทานได้เลย จองล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ทางการ ค่ะ
โรงแรมแนะนำใกล้สหกรณ์ไมซูรุ คะมะโบโกะ
สวนธรรมชาติและวัฒนธรรมไมซุรุ ในไมซุรุตะวันออก
สวนธรรมชาติและวัฒนธรรมไมซุรุ (Maizuru Nature and Cultural Park) มีสวนดอกอาจิไซ (ไฮเดรนเยีย) ที่ใหญ่ที่สุดในคันไซ ฤดูใบไม้ผลิมีดอกสึบากิ (คามิเลียญี่ปุ่น) ที่สวยงามบานสะพรั่ง เนื่องจากที่นี่อยู่บนเนินเขา เราจึงสามารถมองเห็นเมืองไมซุรุตะวันออกและท่าเรือได้ด้วย
สวนธรรมชาติและวัฒนธรรมไมซุรุยังผลิตน้ำมันดอกสึบากิจากธรรมชาติ 100% เหมาะสำหรับดูแลผิวและเส้นผมของเราด้วยนะ
เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในสไตล์ที่แตกต่างจากเกียวโต
ไมซุรุเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ในสไตล์ที่แตกต่างจากภาพลักษณ์ทั่วไปของเกียวโต เมื่อเข้ามาในเมืองนี้ เราจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นลมทะเลและความอบอุ่นของผู้คน
ทีแรกคิดว่าเมืองเล็กๆ อย่างนี้เที่ยว 2 วันก็น่าจะเกินพอ แต่พอได้ลองมาจริงๆ บอกเลยว่าอยากอยู่ต่ออีกนานๆ เลยล่ะค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
In cooperation with Kyoto by the Sea DMO, Maizuru Tourism Association
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง