Unseen Japan สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งฤดูหนาวของเมืองมัตสึโมโตะ 2 วัน 1 คืน

ร้านสินค้าสไตล์เรโทร คาเฟ่บรรยากาศย้อนยุค เดินเล่นท่ามกลางย่านร้านค้าที่เปี่ยมด้วยความทรงจำใน โคเอ็นจิลุคโชเท็นไก (Koenji Look Shotengai)

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

ย่านร้านค้าถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่น ไปเดินเล่นซื้อของเก๋ๆ นั่งคาเฟ่บรรยากาศเรโทร หาของอร่อยทานกันที่ ลุค โชเท็นไก ใกล้สถานีโคเอ็นจิ

บทความโดย

Miho Moriya

Tokyo,Japan

MATCHA editor and freelance writer. Born, raised, and currently living in Tokyo. Have visited over 30 countries and lived in four different prefectures. I have traveled to almost all 47 prefectures in Japan! I try to create articles that help convey the charms of a destination through words and pictures. I love forests, temples, and camels.
more

มีทุกสิ่งให้เลือกสรร ที่ย่านร้านค้าอายุกว่า 70 ปี

เวลาที่อยากซื้อผัก อยากได้รองเท้าใหม่ อยากไปกินข้าวนอกบ้าน ทุกคนเลือกไปที่ไหนกันคะ เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็คงนึกถึงห้างสรรพสินค้าขึ้นมาแน่นอน แต่ครั้งนี้เราขอแนะนำย่านร้านค้าที่เรียกกันว่าโชเท็นไกค่ะ

เอกะคังโดริโชเท็นไก (Eigakan-dori Shotengai : 映画館通り商店街) ย่านร้านค้าที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1951 ในแถบโคเอ็นจิ (Koenji) ทางฝั่งตะวันตกของโตเกียว มีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นในชีวิตประจำวันให้เลือกซื้ออย่างครบครันจนแทบไม่ต่างจากห้างสรรพสินค้าใหญ่ แต่ก่อนที่นี่คึกคักมากจนเรียกได้ว่าเป็นย่านบันเทิงเลยทีเดียว เพราะเคยมีโรงภาพยนตร์อยู่ด้วย เลยเป็นที่มาของชื่อ "เอกะคังโดริ" ถนนโรงภาพยนตร์

ルック商店街

เหล่าผู้ประกอบการได้รวมตัวกันตั้งสมาคมย่านร้านค้าขึ้นในปี 1962 กลายเป็นจุดกำเนิดของย่านร้านค้าโคเอ็นจิลุคโชเท็นไก (Koenji Look Shotengai : 高円寺ルック商店街) มาจนถึงปัจจุบัน

พอได้มาเดินดูก็เจอทั้งไปรษณีย์ ร้านขายยา ร้านหมอฟัน ร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ร้านขายของจิปาถะ คาเฟ่ อิซากายะ แกลอรี่ และอีกสารพัด แม้ประเภทของร้านค้าจะเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของยุคสมัย แต่ความครบครันและหลากหลายที่เป็นเหมือนดีเอ็นเอของย่านการค้าก็ไม่ได้จางหายไปเลย

ประวัติศาสตร์ที่สัมผัสได้ผ่านอาคารบ้านเรือน

ย่านการค้าโคเอ็นจิลุคโชเท็นไกตั้งอยู่ระหว่างสถานีโคเอ็นจิของ JR และโตเกียวเมโทร มีร้านค้าเกือบ 170 ร้านเรียงรายบนสองข้างทางถนนยาว 600 เมตร

商店街

ถึงบางร้านจะเพิ่งมาเปิดใหม่ แต่ตัวอาคารก็ยังคงรูปแบบของนากายะหรืออาคารตึกแถวแบบญี่ปุ่นที่เห็นได้มากในสมัยเอโดะ บางตึกดูเก่าแก่จนบ่งบอกถึงอายุ ตอนเดินผ่านหน้าร้านแคบๆ เรียงยาวตามทางก็ได้ความรู้สึกเหมือนเดินห้างอยู่นะ

ครั้งนี้เราแวะไปเยือนร้านค้าบางส่วนมาค่ะ มีตั้งแต่ร้านที่เพิ่งเปิดได้ไม่ถึง 10 ปี จนถึงร้านเก่าแก่ที่เปิดมาร่วม 80 ปี

1. กรังปรีซ์ ของจิปาถะย้อนวันวาน

グランプリーズ

กรังปรีซ์ (Grandprix : グランプリーズ) ร้านจิปาถะและเสื้อผ้ามือสองย้อนยุคสไตล์โชวะเรโทร เปิดในปี 2014 ภายในร้านมีบรรยากาศอบอุ่นและน่ารัก สินค้าหลายประเภทอัดแน่นอยู่เต็มผนัง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ามือสอง ของกระจุกกกระจิกดีไซน์ย้อนยุค ขนมดากาชิ ไปจนถึงสินค้าแฮนด์เมด

เราถามว่าทำไมถึงมาเปิดร้านกรังปรีซ์นี้ โอมุระซัง เจ้าของร้านให้คำตอบว่า "ฉันคิดแค่ว่ายังไงก็ต้องมาเปิดร้านนี้ที่นี่" ราวกับเป็นสิ่งที่พรหมลิขิตกำหนดไว้เรียบร้อย

โอมุระซังเองก็ชอบมาเดินดูเสื้อผ้ามือสองและซื้อของกระจุกกระจิกสไตล์ย้อนยุคแถวโคเอ็นจิตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียนอยู่แล้ว

グランプリーズ

สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาของร้านก็คือกันสาดสีเหลือง ตู้หยอดกาชาปอง และเสื้อผ้าสีสันสดใสหลากสี เวลาไปหาซื้อของเข้าร้าน โอมุระซังจะเลือกของที่ตัวเองเห็นแล้วรู้สึกน่าสนใจ ร้านนี้จึงเหมือนเป็นการแสดงตัวตนของโอมุระซังไปในที

古着屋

ชุดวันพีซมือสองราคาเริ่มที่ 2,800 เยน เสื้อเชิ้ตผู้ชายราคาเริ่มที่ 1,800 เยน เสื้อผ้าแบบออริจินัลของร้านกรังปรีซ์เองก็มี สนใจอยากลองตัวไหนก็มีห้องลองให้พร้อม

グランプリーズ

เห็นว่ามีลูกค้าต่างชาติมาซื้อสินค้าลายการ์ตูนอย่างสนูปปี้และอันปังแมนกันด้วย "จากนี้ก็อยากให้มีคนจากหลายๆ ประเทศมาที่นี่อีกค่ะ!" โอมุระซังบอก

小林キノコさん

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือพวกสินค้าแฮนด์เมดและสินค้าออริจินัลของเหล่าศิลปินส่วนตัว เช่น มาสก์กิ้งเทป ตุ๊กตา เครื่องประดับ และกระเป๋าที่รีเมคจากแผ่นเสียง ไม่ใช่สินค้าที่จะเจอได้ง่ายๆ ตามร้านค้าทั่วไป แต่ละอย่างเป็นสินค้าที่ทำขึ้นใหม่ แต่ก็เต็มไปด้วยดีไซน์แบบเรโทรให้ได้รู้สึกเหมือนย้อนอดีตไปในวันวาน

グランプリーズ

ตอนที่ดูชั้นสินค้าอยู่ก็เห็นตุ๊กตาจิ๋วรูปช้างสีชมพูที่คุ้นเคย นี่คือซาโตโกะจัง มาสคอตของบริษัทผลิตยา สมัยก่อนไม่ว่าจะไปร้านขายยาที่ไหนก็ต้องมีหุ่นของซาโตโกะจังตั้งอยู่หน้าร้านทุกที่เลยค่ะ

ระหว่างที่เดินออกจากร้านกรังปรีซ์ไปตามถนนในย่านร้านค้า ก็คิดเสียดายอยู่ในใจว่าตอนนี้แทบจะไม่มีร้านขายยาไหนวางหุ่นซาโตโกะจังไว้หน้าร้านแล้ว

サトちゃん
フヂヤ薬局

หุ่นซาโตโกะจังกับซาโตะจังที่ทางร้านก็จำไม่ได้ว่าเอามาตั้งไว้นานแค่ไหนแล้ว

พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็เหลือบไปเห็นซาโตโกะจังยืนคู่กับซาโตะจัง ช้างสีส้มตรงหน้าร้านขายยาพอดี แวะที่นี่กันหน่อยดีกว่าค่ะ

2. ร้านยาฟุจิยะ ร้านยาเก่าแก่อายุร่วม 90 ปี

フヂヤ薬局

ร้านยาฟุจิยะ (Fujiya drug store) เป็นร้านขายยาเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1933 ตัวร้านเป็นอาคารหลังเดี่ยวสไตล์ตะวันตก สร้างขึ้นในยุคไทโช ที่น่าเหลือเชื่อคือตัวบ้านไม่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวใหญ่คันโตในปี 1923 และสงครามโลกครั้งที่สองที่จบลงเมื่อปี 1945

小西さん

โคะนิชิซัง เภสัชกรผู้เป็นทั้งเจ้าของร้านเคยทำงานในโรงพยาบาลมาก่อน พอแต่งงานก็เลยออกมาช่วยสานต่อกิจการร้านยาฟุจิยะของบ้านสามี เมื่อได้ถามเหตุผลที่ยังเปิดร้านต่อแม้ปัจจุบันจะอยู่เพียงคนเดียวแล้ว โคะนิชิซังบอกว่า "ตราบใดที่มีคนมองว่าร้านนี้ยังจำเป็นอยู่ ฉันก็อยากจะทำให้มันเป็นร้านที่พวกเค้าสามารถมาได้อย่างสบายใจ"

フヂヤ薬局

บางครั้งมีลูกค้าจากต่างประเทศมาซื้อยาด้วยเหมือนกัน โคะนิชิซังจะสอบถามอาการด้วยภาษาอังกฤษง่ายๆ ผสมกับภาษากาย แล้วค่อยเสนอยาที่เหมาะสมให้ ของใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันก็มี เช่น พลาสเตอร์ยา ผงซักฟอก และอื่นๆ

フヂヤ薬局

ถึงหน้าร้านจะมีเครื่องขายบุหรี่อัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ลูกค้าหลายคนก็เลือกที่จะเรียกแล้วซื้อกับโคะนิชิซังโดยตรง คนที่แวะมาคุยเล่นระหว่างเดินซื้อของก็มี เข้าใจแล้วหละว่าทำไมโคะนิชิซังถึงอยากจะเปิดร้านต่อ

3. นานะสึโมริ คาเฟ่บริการอาหารและบรรยากาศที่สบายใจและปลอดภัย

七つ森

หัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามร้านยาฟุจิยะเป็นอีกหนึ่งร้านที่เราสัมผัสได้ถึงความเก่าแก่ เดิมอาคารหลังนี้เคยเป็นร้านชามาก่อน ด้วยความสนใจในสถาปัตยกรรมของอาคาร เจ้าของร้านเลยขอเช่าเพื่อเปิดเป็นคาเฟ่เมื่อปี 1978 ในชื่อ นานะสึโมริ (Nanatsumori : 七つ森)

เมื่อถามเจ้าของร้านถึงที่มาที่ไปในการเปิดคาเฟ่แห่งนี้ ก็ได้คำตอบว่ามาจากสภาพสังคมในสมัยก่อน

"ในช่วงยุคปี 60-70 เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ช่วยให้เมืองเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่นั่นก็เป็นช่วงที่เกิดปัญหาเรื่องมลพิษอย่างหนักด้วยเหมือนกัน"

七つ森

ท่ามกลางปัญหาเรื่องภัยสุขภาพ เจ้าของร้านก็คิดอย่างหนักว่ามีอะไรที่ตัวเองพอจะช่วยได้บ้าง จนมาสรุปที่การเปิดคาเฟ่ โดยตั้งเป้าให้ที่นี่เป็นร้านที่ทุกคนสามารถมาทานอาหารที่เลือกใช้วัตถุดิบอันปลอดภัยในทุกเมนูได้อย่างสบายใจ

固めプリン

จนถึงตอนนี้อาหารทุกเมนูก็ยังคงทำด้วยมืออย่างตั้งใจไม่เปลี่ยน แกงกะหรี่ก็ทำตั้งแต่ผสมเครื่องแกงเอง เป็นรสชาติที่มีเอกลักษณ์จนนึกว่าร้านแกงกะหรี่มาทำให้ทานเองเลย เมนูที่คนของสมาคมย่านร้านค้าแนะนำว่าให้ลอง คือ พุดดิ้งคัสตาร์ด (カスタードプリン) ราคารวมภาษี 625 เยน เนื้อพุดดิ้งแน่นๆ ราดด้วยซอสคาราเมล เป็นรสชาติที่ไม่เคยเปลี่ยนนับตั้งแต่เปิดร้านมา

* แกงกะหรี่มี 3 แบบ แกงกะหรี่ผัก (野菜カレー) แกงกะหรี่คีมะคาเร่ (キーマカレー) และแกงกะหรี่กะทิ (ココナッツカレー) ทุกแบบมาพร้อมซุปและสลัด ราคาแต่ละเมนูรวมภาษี 1,185 เยน

七つ森

การตกแต่งภายในร้านทำให้เหมือนยุคโชวะช่วงปี 1955-1965 เก้าอี้บุนวมสีแดงเข้มและแสงไฟนวลตา สร้างบรรยากาศสบายๆ แสนอบอุ่น

เจ้าของร้านบอกว่าช่วงที่เพิ่งเริ่มทำร้าน ยุคนั้นการที่ผู้หญิงจะเข้าไปนั่งในร้านอาหารหรือคาเฟ่เองคนเดียวยังไม่ค่อยมี เลยตั้งใจออกแบบร้านให้มีบรรยากาศกันเอง ไม่ว่าใครก็เข้ามาใช้บริการได้ง่าย

七つ森

"สมัยนั้นการโปรโมตร้านไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะอินเทอร์เน็ตก็ยังไม่มี เลยทดลองหลายๆ วิธีเพื่อให้ร้านเป็นที่จดจำของลูกค้า"

หนึ่งในวิธีที่ทางร้านยังคงทำอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็คือการตั้งราคาเมนูต่างๆ ให้เป็นเศษ 5 เยน เวลาทอนเงินจะใช้เหรียญห้าเยนที่มีริบบิ้นผูกอยู่ เป็นการเล่นคำพ้องเสียง โดย "ห้าเยน" อ่านออกเสียงภาษาญี่ปุ่นว่า "โกะเอ็น" แปลว่า มีสายสัมพันธ์ต่อกัน เพื่อสื่อว่าให้ร้านกับลูกค้าได้มีสายสัมพันธ์ต่อกัน วันหลังก็จะได้มาพบเจอกันที่ร้านอีก

4. เท็นโอ ร้านอาหารจีนที่เล่าเรื่องด้วยรสชาติ

天王

ท่ามกลางกระแสความนิยมของร้านอาหารจีนราคาย่อมเยาที่เรียกกันว่ามาจิชูกะในสมัยโชวะ ร้านเท็นโอ (Ten-oh : 天王) ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เปิดตัวขึ้นในปี 1984 ก่อนจะเปลี่ยนมือมายังเจ้าของคนปัจจุบันในปี 1999

สำหรับคนที่เดินผ่านไปมา พอเห็นหน้าร้านอย่างนี้แล้วอาจจะต้องใช้ความกล้าสักหน่อยที่จะเปิดประตูเข้าไป แต่ถ้าได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติอาหารจากฝีมือเจ้าของร้านผู้เงียบขรึมอย่างโอมาตะซังดูสักครั้ง รับรองจะต้องกลายเป็นลูกค้าประจำแน่นอน

天王 店内

เข้าไปในร้านจะเจอที่นั่งเคาน์เตอร์เรียงเป็นแถว มีโต๊ะใหญ่อยู่ด้านในสุด 2 ตัว ได้ที่นั่งแล้วก็เลือกสั่งของที่อยากลองได้จากเมนูบนโต๊ะเลย (เมนูมีเฉพาะภาษาญี่ปุ่น)

生姜醤油ラーメン

โชกะโชยุราเม็ง ราคารวมภาษี 659 เยน

โอมาตะซังเรียนจบจากวิทยาลัยวิชาชีพด้านประกอบอาหารชื่อดัง จากนั้นก็ไปทำงานที่ภัตตาคารอาหารจีน ก่อนจะถูกชักชวนจากเจ้าของร้านเท็นโอคนก่อนให้มาทำงานที่นี่ เมนูที่โอมาตะซังผู้วิจัยรสชาติอาหารมาตลอดรังสรรค์ขึ้นก็คือ โชกะโชยุราเม็ง (生姜醤油ラーメン) ราเม็งรสโชยุผสมขิง

เส้นบะหมี่เหนียวนุ่มกับซุปใสรสชาติเข้มข้นถึงใจแต่ไม่เลี่ยน เราคิดไปเองว่าต้องมีวิธีทำที่ยุ่งยากซับซ้อนแน่เลย แต่โอมาตะซังกลับบอกว่า "แค่ยึดตามวิธีทำแบบพื้นฐานให้มากที่สุดเท่านั้นเอง" อย่างซุปก็ใช้วัตถุดิบแค่ 3 อย่าง คือ ขิง โชยุ และหมู

チャーハン

ข้าวผัด ขนาดเล็ก ราคารวมภาษี 280 เยน (ข้าวผัดขนาดธรรมดา ราคารวมภาษี 600 เยน)

ข้าวผัดชาฮัง (チャーハン) เป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยม เคยมีลูกค้าชมว่าอร่อยที่สุดในโลกมาแล้ว แต่โอมาตะซังก็ยังบอกว่า "ข้าวผัดนี่ทำยาก ตอนนี้กำลังฝึกอยู่" รับรู้ได้ถึงความพิถีพิถันเรื่องรสชาติแบบไม่มีหยุดจริงๆ

โอมาตะซังยังบอกอีกว่าจังหวะใส่เครื่องลงกระทะและสภาพร่างกายในวันนั้นๆ ล้วนมีผลต่อรสชาติข้าวผัดทั้งสิ้น การทำอาหารก็ไม่ต่างจากการแข่งสมรรถภาพร่างกาย เห็นว่าฝึกกล้ามท้องทุกวัน วันละ 100 ครั้งเลยทีเดียว!

ทำอาหารง่ายๆ ให้อร่อยอย่างที่ควรเป็น กลายเป็นรสชาติที่ทานกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ร้านเท็นโอถึงได้มีลูกค้าแวะเวียนมาไม่ขาด

ย่านการค้าที่เต็มไปด้วยความหลังของผู้คน

高円寺ルック商店街

"ร้านส่วนใหญ่ในลุคโชเท็นไกเป็นธุรกิจส่วนตัว ร้านเก่าแก่เปิดมาเกิน 50 ปีก็เยอะ การได้เปิดร้านของตัวเองคือฝันที่เป็นจริงของใครหลายๆ คนที่นี่ แต่ละคนก็สร้างร้านขึ้นมาด้วยความรักและใส่ใจกันทั้งนั้น ประเภทร้านก็หลากหลายจนถ้ามาถามว่าอะไรคือจุดเด่น ก็ไม่รู้เลยว่าจะเลือกตอบอันไหนดี"

พอได้มาเดินเองก็เห็นจะเป็นจริงอย่างที่เจ้าหน้าที่สมาคมย่านร้านค้าพูดให้ฟัง เพราะเรายังเจอร้านน่าสนใจอีกหลายร้าน เช่น แกลลอรี่ศิลปะในธีมวิทยาศาสตร์และศิลปะ Uptown Koenji Gallery ร้านคาเฟ่ Cafe & Bar Blue MOON และร้านขนมคุกกี้ไอซิ่งหน้าตาน่ารัก

แต่ละร้านมีให้บริการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนด้วย ถึงจะเป็นย่านร้านค้าเก่าแก่ แต่ก็มีการเปิดรับสิ่งใหม่ไปพร้อมกับอนุรักษ์สิ่งดั้งเดิม นี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ก็ได้

โคเอ็นจิ ลุค โชเท็นไก นอกจากสิ่งของแล้วยังมีความฝันและความทรงจำของผู้คนอัดแน่นตลอดทางสมกับเป็นย่านร้านค้าที่มีทุกสิ่งให้เลือกสรรจริงๆ


In cooperation with Shinkoenji Shopping Street Promotion Association, Grandprix, Fujiya drug store, Nanatsumori, Ten-oh

บทความโดย

Miho Moriya

Tokyo,Japan

MATCHA editor and freelance writer. Born, raised, and currently living in Tokyo. Have visited over 30 countries and lived in four different prefectures. I have traveled to almost all 47 prefectures in Japan! I try to create articles that help convey the charms of a destination through words and pictures. I love forests, temples, and camels.
more
เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง