【จังหวัดมิยาซากิ】เพลิดเพลินไปกับทั้งภูเขาและท้องทะเล! ออกสำรวจมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติที่ยังไม่ถูกค้นพบ

ข้าวหน้าเนื้อคุโรเกะวากิวในราคา 1,000 เยน!? ร้านข้าวหน้าเนื้อวากิว คากุระซากะ โชซันเต สาขาใหญ่ในโตเกียว (Kagurazaka)

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

ย่านคากุระซากะในโตเกียว (Kagurazaka) เป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าต่างๆ ที่เก๋ไก๋มีสไตล์ และในย่านนี้มี "ร้านข้าวหน้าเนื้อวากิว คากุระซากะ โชซันเต สาขาใหญ่คากุระซากะ" ที่คุณสามารถลิ้มรสข้าวหน้าเนื้อวากิวในราคาเริ่มต้นเพียง 1,000 เยน

บทความโดย

MATCHA編集・ライターのインターン生。カフェ・レストラン巡りと映画鑑賞が大好きな大学生。

more

มาทานข้าวหน้าเนื้อวากิวที่คากุระซากะกัน

翔山亭

คากุระซากะ (Kagurazaka) เป็นย่านยอดนิยมของทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เรียงรายไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ๆ ร้านขายของจิปาถะ และยังมีวัดและศาลเจ้าให้เยี่ยมชมอีกด้วย

และในย่านคากุระซากะแห่งนี้มี "ร้านเฉพาะทางข้าวหน้าเนื้อวัววากิว คากุระซากะ โชซันเต สาขาใหญ่คากุระซากะ (Kagurazaka Shozantei Wagyu Zeitakujyu Senmonten Kagurazaka Honten)" ที่คุณสามารถทานข้าวหน้าเนื้อคุโรเกะวากิว (วัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ) ในแบบข้าวหน้าที่เรียกว่าดงบุริในราคาเริ่มต้นเพียง 1,000 เยนเท่านั้น! (ราคายังไม่รวมภาษี)

โดยทั่วไปแล้ว ภาชนะทรงกล่องสี่เหลี่ยมที่เคลือบด้วยอุรุชิ (สีที่สกัดมาจากน้ำยางของต้นรัก) จะเรียกว่า "โอจู (Oju)" ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมักจะใช้ใส่อาหารแบบข้าวหน้า แม้ที่ร้านใช้จะใช้ภาชนะคนละแบบแต่ก็เรียกเมนูข้าวหน้าเนื้อต่างๆ ในร้านว่า "โอจู" 

ร้านนี้เป็นร้านยอดนิยมที่ในช่วงกลางวันจะมีคนมาต่อคิวยาวหน้าร้านเพื่อทานอาหาร ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากอร่อยกับเนื้อคุโรเกะวากิวให้เต็มท้อง! หรืออยากเพลิดเพลินกับการเที่ยวและกินด้วยต้องไม่พลาด!

ทำไมถึงขายเมนูเนื้อคุโรเกะวากิวได้ในราคาถูกขนาดนี้!?

メニュー

ปกติแล้วหากทานคุโรเกะวากิวที่ร้านเนื้อย่างจนเต็มอิ่มจะตกราคาต่อมื้อประมาณ 10,000 เยนต่อคน คนทั่วไปมักจะคิดว่าเนื้อคุโรเกะวากิวมีราคาแพง ... แต่ว่าถ้ามาที่ร้านนี้เราจะสามารถทานได้ในราคาประมาณ 1,000-2,000 เยน

สาเหตุที่ร้านนี้ทำเมนูเนื้อวัวดำสุดแพงได้ในราคาถูกก็เพราะที่ร้านจะสั่งเนื้อคุโรเกะวากิวเกรด A4 และ A5 ขึ้นไปพร้อมกับร้านอาหารอื่นๆ ในเครือ ดังนั้นถึงจะเป็นเนื้อแบบเดียวกันก็สามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าปกติ

เป็นที่มาของข้าวหน้าเนื้อวัวดำวากิวในราคาที่เป็นมิตรเพียงแค่ 1,000 เยนเท่านั้น!

ที่ร้านจะมีข้าวหน้าเนื้อคุโรเกะวากิวให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ "อุเมะ (Ume)" ราคา 1,000 เยน "ทาเคะ (Ta-ke)" ราคา 1,480 เยน และ "มัตสึ (Matsu)" ราคา 1,980 เยน (ราคาทั้งหมดยังไม่รวมภาษี)

โดยแต่ละเมนูจะแตกต่างกันที่จำนวนและประเภทการปรุงของเนื้อคุโรเกะวากิวที่จะเสิร์ฟมาบนข้าว อุเมะจะมาพร้อมกับเนื้ออบโรสท์บีฟ (Roast Beef) และเนื้อตุ๋นชิกุเรนิ (Shigureni) (*1) ทาเคะจะเพิ่มเนื้อสันนอก (Sirloin) และถ้าเป็นมัตสึก็จะมีเนื้อสันใน (Tenderloin) เพิ่มมาด้วย

ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำวิธีการทานข้าวหน้าเนื้อของที่นี่กันค่ะ

*1 : ชิกุเรนิ ... เนื้อวัวตุ๋นกับขิง โชยุ มิริน และน้ำตาล มีรสหวานอมเค็ม

เริ่มทานกันดีกว่า!

ครั้งนี้เราได้สั่งเมนู “อุเมะ” มาทานกันเลยค่ะ!

ก่อนอื่นก็ต้องเริ่มจากผักดอง

漬物

เมื่อสั่งอาหารแล้วสิ่งแรกที่พนักงานจะยกมาเสิร์ฟคือกะหล่ำปลีและหัวไชเท้าดองกับชิโสะ (ช่องขวาของถ้วย) และมันนากาอิโมะดองวาซาบิ (ช่องซ้ายของถ้วย) และน้ำจิ้มคิมิดาเระ (Kimidare) เป็นไข่แดงสดที่เทลงในน้ำซอสสำหรับปรุงรสเนื้อ (ในถ้วยสีดำด้านขวาของภาพ) น้ำจิ้มคิมิดาเระเราเอาไว้ทานกับเนื้อ ก็วางเอาไว้แบบนี้ก่อนอย่าเพิ่งทานนะคะ

กะหล่ำปลีและหัวไชเท้าดองกับชิโสะมีรสหวานจากกะหล่ำปลีและหัวไชเท้า และมีรสชาติเฉพาะตัวของชิโสะที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ส่วนมันนากาอิโมะที่ดองในวาซาบิจะสัมผัสได้ถึงความกรอบของมันนากาอิโมะควบคู่กับกลิ่นวาซาบิที่ช่วยให้จมูกโล่ง

วิธีทานแบบที่ 1 : เริ่มจากทานแบบนั้นเลย

お重

ระหว่างรอเราก็ทานเครื่องเคียงไปพลางๆ ไม่นานเมนูที่สั่งไปก็ถูกยกมาวางตรงหน้า! พอเปิดฝาออกกลิ่นหอมของเนื้อตุ๋นชิกุเรนิและเนื้ออบโรสท์บีฟก็อบอวลไปทั่ว

จะทานแบบนี้โดยไม่ปรุงอะไรเพิ่มเลยก็อร่อยแล้ว แต่เราจะขอแนะนำ 3 วิธีการทานข้าวหน้าเนื้อให้อร่อยที่สุดกันค่ะ

วิธีแรกคือ ทานไปแบบนี้เลย เพื่อลิ้มรสชาติที่แท้จริงของเนื้อ

ถ้าดูจากขนาดของเนื้ออบโรสท์บีฟทั้ง 5 ชิ้นและเนื้อตุ๋นชิกุเรนิที่ราดมาเต็มๆ บนข้าวสวยแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าปริมาณขนาดนี้จะราคาเพียง 1,000 เยน
เนื้ออบโรสท์บีฟชิ้นหนานั้นปริมาณเต็มอิ่มมากๆ เนื้อตุ๋นชิกุเรนิก็มีรสสัมผัสที่นุ่มราวกับจะละลายได้ในปาก สัมผัสได้ถึงรสชาติความอร่อยในทุกๆ คำ
เราได้ลองทานข้าวกับเนื้ออบโรสท์บีฟไป 2 ชิ้นและเนื้อตุ๋นประมาณหนึ่งในสาม ก่อนจะไปสเต็ปต่อไปกัน

วิธีทานแบบที่ 2 : ทานคู่กับซอสคิมิดาเระ

黄身だれ

ต่อไปเป็นคิวของซอสคิมิดาเระที่เสิร์ฟมาพร้อมกับผักดอง ให้ผสมไข่แดงให้เข้ากับซอส หลังจากนั้นจะนำเนื้อไปจิ้มหรือจะราดลงไปก็ได้ทั้งสองแบบค่ะ ถ้าทานเนื้อผสมกับไข่แดงก็จะได้รสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้น

จะทานเนื้ออบโรสท์บีฟให้หมดไปเลยก็ได้ แต่ขอให้เหลือเนื้อตุ๋นชิกุเรนิและข้าวเอาไว้ค่ะ

วิธีทานแบบที่ 3 : ปิดท้ายด้วยการทานแบบฮิตสึมาบุชิ (Hitsumabushi)

ひつまぶし

วิธีสุดท้ายคือการทานแบบฮิตสึมาบุชิ (*2) เราจะใช้ถ้วยเล็กและน้ำซุปที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์

ให้ตักข้าวและเนื้อตุ๋นชิกุเรนิใส่ในถ้วยเล็ก และราดน้ำซุปดาชิลงไป 

สามารถเติมเปลือกส้มยูซุ (Yuzu) (*3) เพื่อเพิ่มความสดชื่นได้ด้วย

*2 : ฮิตสึมาบุชิ (Hitsumabushi) ... เมนูข้าวหน้าปลาไหล ที่นำปลาไหลนำไปย่างซอสแบบคาบายากิ (Kabayaki) จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กโปะบนข้าว มีลำดับการทานโดยเริ่มจากแบ่งออกมาเป็นชมเล็ก ทานแบบนั้นเลยในชามแรก หลังจากนั้นจึงทานคู่กับเครื่องปรุง "ยาคุมิ (Yakumi)" เช่น สาหร่าย วาซาบิ หรือต้นหอม และสุดท้ายทานโดยเติมน้ำซุปดาชิลงไปคล้ายกับข้าวต้มโอฉะสึเกะ (Ochazuke)

*3 : ยูซุ (Yuzu) ... พืชตระกูลส้มชนิดหนึ่ง นิยมใช้กลิ่นหอมมาปรุงแต่งอาหาร

薬味

จะเติมวาซาบิ งา หรือสาหร่ายตามใจชอบก็อร่อยเลยค่ะ

เมื่อเติมน้ำซุปลงไปรสชาติของเนื้อตุ๋นจะอ่อนลงทำให้ทานได้เรื่อยๆ ตอนแรกรู้สึกว่าปริมาณที่เสิร์ฟมาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว แต่ก็ทานได้อย่างเอร็ดอร่อยไม่มีเบื่อ พอรู้ตัวอีกทีก็หมดจานซะแล้ว

แนะนำให้ลองทานทั้ง 3 วิธีดูแล้วเลือกรสชาติที่ถูกใจกันนะคะ

มีเมนูหลายภาษาเลย!

食べ方

วิธีทานทั้ง 3 วิธีที่เราแนะนำในครั้งนี้มีเขียนอยู่ที่ด้านหลังของเมนูด้วยนะคะ
ที่ร้านมีเมนูและวิธีการทานอธิบายไว้เป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน ถ้าอยากได้เมนูที่มีภาษาอังกฤษก็สามารถแจ้งพนักงานได้เลยค่ะ

บรรยากาศภายในร้านแสนผ่อนคลาย

店内

ภายในร้านมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์เท่านั้น ภายในร้านมีไฟสลัวๆ ไม่สว่างจนเกินไป แล้วยังมีโต๊ะเคาน์เตอร์ที่ทำมาจากไม้ช่วยทำให้รู้สึกสงบ

เมื่อเข้ามานั่งพนักงานก็จะนำชาร้อนมาเสิร์ฟให้คุณค่อยๆ ดื่มอย่างผ่อนคลาย ที่นั่งมีระยะห่างจากพนักงานในระยะทีกำลังดี ทำให้รู้สึกสบายๆ เป็นกันเอง มีลูกค้าหลายคนมาที่มาทานที่ร้านนี้คนเดียวเพราะถึงแม้จะมาคนเดียวก็สามารถนั่งได้อย่างสบายใจ

店内

นอกจากนี้เรายังสามารถชมการย่างเนื้อหรือการจัดตกแต่งจานได้อย่างใกล้ชิดในระหว่างที่รออาหาร ถือเป็นอีกหนึ่งความสนุกเฉพาะตัวของที่นั่งตรงเคาน์เตอร์เลยก็ว่าได้

พออิ่มแล้วก็ไปเที่ยวคากุระซากะกันต่อดีกว่า

神楽坂

จากบทความ "12 ที่เที่ยวในคากุระซากะ ตรอกเก่าแก่ใจกลางโตเกียว (Kagurazaka)"

หลังจากที่อิ่มอร่อยจาก "ร้านข้าวหน้าเนื้อวากิว คากุระซากะ โชซันเต สาขาใหญ่คากุระซากะ"แล้ว ไปเดินเล่นต่อที่ถนนคากุระซากะโดริ (Kagurazakadori) กันดีกว่า จะไปแวะซื้อของที่ร้านโนเร็น (Noren) สาขาคากุระซากะซึ่งสามารถเลือกซื้อของกระจุกกระจิกสไตล์ญี่ปุ่น หรือจะแวะที่ “วัดเซ็นโคคุจิ (Zenkokuji Temple)” ชมประตูสีแดงสดอันสวยงามก็น่าสนใจ
พอเดินเล่นจนเหนื่อยแล้วก็สามารถหาร้านคาเฟ่สวยๆ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนจะเที่ยวต่อได้ด้วย

ที่คากุระซากะมีทั้งเนื้อวากิวอร่อยๆ และร้านรวงเก๋ๆ อยู่มากมาย ถ้ามีโอกาสอยากให้แวะมาสักครั้งนะคะ!

In cooperation with Kagurazaka Shozantei Wagyu Zeitakujyu Senmonten Kagurazaka Honten

บทความโดย

Kobayashi

MATCHA編集・ライターのインターン生。カフェ・レストラン巡りと映画鑑賞が大好きな大学生。

more
เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง

อันดับ