Start planning your trip

ยามากาตะ จังหวัดที่มีเสน่ห์ทางใต้ของโทโฮคุ เช่น เมืองออนเซ็นย้อนยุค ภูเขาซาโอกับทิวทัศน์ของปิศาจหิมะ และของอร่อยทั้งเนื้อวากิว ราเม็ง เหล้าท้องถิ่น ตามรอยบทความนี้ ไปเที่ยวไปกินที่ยามากาตะกัน
จังหวัดยามากาตะตั้งอยู่ทางฝั่งทะเลญี่ปุ่น ตอนใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ เป็นพื้นที่ที่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของทะเล ภูเขา ออนเซ็น ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม อาหารอร่อยๆ อย่างผลไม้ เนื้อวากิว (เนื้อวัวญี่ปุ่น) ราเม็ง และเหล้าท้องถิ่นได้
สามารถแบ่งพื้นที่ในจังหวัดออกเป็น 4 ภาคใหญ่ๆ ได้แก่ ภาคมุรายามะ (Murayama) ที่มีเมืองยามากาตะ ซึ่งเป็นที่ตั้งศาลาว่าการเมือง เมืองออนเซ็นอย่างกินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen) และซาโอออนเซ็น (Zao Onsen) และมีแหล่งผลิตเชอร์รี่ที่ขึ้นชื่อ ภาคโอคิทามะ (Okitama) ที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อวัวโยเนซาวะ (Yonezawa Gyu) เป็นต้น
ภาคโมกามิ (Mogami) ที่เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ได้ เช่น แม่น้ำโมกามิ และภาคโชไน (Shonai) ที่หันหน้าสู่ทะเลญี่ปุ่น ซึ่งเพลิดเพลินกับอาหารทะเลที่อุดมสมบูรณ์ได้
ในบทความนี้ขอแนะนำ 15 สิ่งต้องทำหากไปเยือนจังหวัดยามากาตะกันค่ะ
● จากเซ็นได (Sendai)
ขึ้นรถบัสด่วน (Express bus) จากหน้าสถานี JR Sendai ลงรถที่ด้านหน้าสถานี Yamagata ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในกรณีที่นั่งรถไฟจากสถานี JR Sendai ให้ขึ้นรถไฟ JR สายเซ็นซัง (JR Senzan Line) ลงรถที่สถานี Yamagata ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง
● จากโตเกียว (Tokyo)
จากสถานี Tokyo ให้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ สึบาสะ (Tsubasa) สายยามากาตะชินคันเซ็น (Yamagata Shinkansen) ไปลงรถที่สถานี Yamagata ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาทีค่ะ
อนึ่ง การเดินทางไปยังพื้นที่โชไนด้วยเครื่องบินจะสะดวกกว่าค่ะ จาก from สนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) ไปยังสนามบินโชไน (Shonai Airport) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
กินซังออนเซ็นเป็นแหล่งออนเซ็นที่มีบรรยากาศแบบย้อนยุค ตั้งอยู่ในหุบเขาเมืองโอบานาซาวะ (Obanazawa) มีเรียวกังออนเซ็นที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีตั้งเรียงรายริมแม่น้ำกินซัง ตอนที่คุณเดินเล่นในเมือง จะรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต
โดยเฉพาะตอนกลางคืนมีแสงไฟสีส้มจากตะเกียงแก๊สที่ส่องสว่าง ทำให้บรรยากาศงดงามราวกับความฝัน
Picture courtesy of Obanazawa City
นอกจากจะพักที่เรียวกังและเพลิดเพลินกับออนเซ็นแล้ว ขอแนะนำให้แวะไปใช้ห้องอาบน้ำรวมหรืออ่างอาบน้ำของเรียวกังที่ใช้บริการแบบไปเช้าเย็นกลับได้ หรือออนเซ็นเท้าที่ใช้บริการได้ฟรี
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
ซาโอตั้งอยู่ที่พรมแดนของจังหวัดยามากาตะกับจังหวัดมิยางิ ได้รับความนิยมในฐานะที่เป็นย่านรีสอร์ทหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโทโฮคุ มีภูเขาซาโอที่สามารถเพลิดเพลินกับกีฬาฤดูหนาว เช่น สกีและสโนว์บอร์ด รวมถึงทิวทัศน์ของต้นไม้น้ำแข็ง ส่วนที่เชิงเขาเป็นเมืองออนเซ็นที่สามารถเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนกำมะถันได้
Picture courtesy of Yamagata Prefecture
ต้นไม้น้ำแข็งเป็นปรากฏการธรรมชาติซึ่งเกิดจากหิมะและน้ำแข็งเกาะตัวตามต้นไม้บนภูเขา ดูแล้วให้ความรู้สึกที่มีพลัง จึงเรียกขานกันว่าปิศาจหิมะหรือสโนว์มอนสเตอร์ (snow monsters) ช่วงที่สามารถชมต้นไม้น้ำแข็งได้คือเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่หนาวจัด และตอนกลางคืนช่วงกลางฤดูกาลจะมีการเปิดไฟไลท์อัพ (Light Up) ด้วย
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
หากเป็นฤดูที่ไม่มีหิมะ ลองแวะไปที่ โอคามะ (Okama) กันค่ะ โอคามะเป็นทะเลสาบที่มีลักษณะพิเศษคือมีผืนน้ำเป็นสีเขียวงดงาม ตั้งอยู่บนจุดที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1,500 เมตร ว่ากันว่า ที่มาของชื่อโอคามะ (แปลว่า หม้อ) มาจากบริเวณรอบทะเลสาบสูงคล้ายกับหม้อที่ใช้หุงข้าว
สีของทะเลสาบจะเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและช่วงเวลา จึงเรียกกันว่า โกะชิคินุมะ (Goshikinuma บึง 5 สี) ด้วยเช่นกัน หากขับรถยนต์ขึ้นไปตามถนน Zao Echo Line และถนน Zao High Line (ปกติเปิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-พฤศจิกายน) จะมองเห็นได้จากที่จอดรถปลายทาง *ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ปี 2019 จะปิดตั้งแต่เวลา 16:00 น. ถึงเวลา 8:00 น. ของวันถัดไป
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
วัดโฮจุซังริชชาคุจิ (Hojusan Risshakuji) หรือที่เรียกกันว่าวัดยามาเดระ (Yamadera) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีวัดเชิงประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันงดงาม เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่ที่มาสึโอะ บาโช (Matsuo Basho) กวีชาวญี่ปุ่นได้มาเยือนในราวศตวรรษที่ 17 และสร้างไฮกุที่มีชื่อเสียงไว้
ตัวภูเขาทั้งหมดก็คือพื้นที่ของวัด มีเอกลักษณ์ที่มีอาคารของวัดและแผ่นหินตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันและเส้นทางปีนเขา โดยเฉพาะทิวทัศนที่มองจาก วิหารโกไดโด (Godaido Hall) ที่ตั้งอยู่ด้านบนหน้าผาคือที่สุดของความงดงาม ใช้เวลาเดินจากเมืองที่ตีนเขาขึ้นไปถึงด้านในสุดของวัดบนเขาประมาณ 1 ชั่วโมง
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านยามากาตะ บุนโชคัง ที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศราวกับยุโรปในยุคกลาง เป็นสิ่งก่อสร้างเชิงประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นในปี 1916 ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติ ในฐานะอาคารที่สืบทอดสถาปัตยกรรมตะวันตกในสมัยนั้น ซึ่งเป็นการสร้างขึ้นตามสไตล์อังกฤษในศตวรรษที่ 16-18
อาคารนี้เปิดให้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยังคงรักษาเสน่ห์ความงามที่มีอยู่เดิมไว้ นอกจากนั้น ที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละครของการ์ตูนยอดฮิตอย่าง ซามูไรพเนจร ด้วย
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
สถานที่ที่อยากให้มาเยือนในฤดูใบไม้ผลิคือ สวนคาโจ (Kajo Park) สถานที่ขึ้นชื่อในการชมซากุระ เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ใจกลางเมือง ใช้เวลาเดิน 10 นาทีจากสถานี Yamagata สร้างขึ้นโดยการบูรณะซากโบราณสถานของ ปราสาทยามากาตะ (Yamagata Castle) ซึ่งเคยรุ่งเรืองในสมัยเอโดะ
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
เราสามารถจินตนาการถึงสภาพการณ์ในสมัยนั้นได้จาก ประตูใหญ่ตะวันออกนิโนะมารุ (Ninomaru East Gate) ที่บูรณะมาจากประตูปราสาทในสมัยนั้น กำแพงหินที่งามสง่า และคูน้ำ (คูเมือง) ล้อมรอบปราสาท ทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นช่วงไฮไลท์ของการชมซากุระราว 1,500 ต้น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากในและนอกพื้นที่มากมายให้เดินทางมาเยี่ยมชม
Photo by PIXTA
โกะเท็นเซคิอยู่ในเขตนานุคามะจิ (Nanokamachi) เมืองยามากาตะ ใช้เวลาเดิน 15 นาทีจากสถานี Yamagata เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีคลองชลประทานมาช่วยเพิ่มเสน่ห์ มีน้ำสะอาดไหลผ่านคลองที่สร้างขึ้นจากการนำก้อนหินมาวางซ้อน ด้านข้างมีอาคารสไตล์ญี่ปุ่นที่จำลองร้านค้าในอดีตตั้งเรียงรายอยู่
มีทั้งร้านขายงานฝีมือดั้งเดิม คาเฟ่ ร้านขายโซบะ จะเดินเล่นหรือกินอาหารก็ดีไปทุกอย่าง หากอยากกินอาหาร แนะนำ Kura Cafe×Dining Bar Classic Café ค่ะ ร้านนี้รีโนเวทจากโกดังที่สร้างขึ้นมาราว 80 ปีก่อน คุณจะได้เพลิดเพลินกับเมนูที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น เนื้อวัวยามากาตะ ท่ามกลางบรรยากาศที่โอ่อ่า
Picture courtesy of Yamagata Railway Co., Ltd.
รถไฟที่แค่ขึ้นก็สนุก แค่ชมวิวก็เพลิน คือ รถไฟสายฟลาวเวอร์นากาอิ ค่ะ ชื่อของเส้นทางมาจากการที่สองข้างทางเต็มไปด้วยจุดชมดอกไม้ที่มีชื่อเสียง เส้นทางรถไฟมีความยาวรวมเพียง 30 กิโลเมตร เป็นของบริษัทรถไฟเอกชนเล็กๆ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี เส้นทางนี้ที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวในท้องถิ่นและผู้รักรถไฟมาอย่างยาวนาน
ภาพของรถไฟที่มีลวดลายดอกไม้วิ่งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ชนบทช่างเป็นบรรยากาศที่สุขสงบยิ่ง ลองนั่งรถไฟสายฟลาวเวอร์นากาอิไปเที่ยวจุดชมดอกไม้ขึ้นชื่ออย่างดอกซากุระ ดอกอายาเมะ และดอกกุหลาบ รวมทั้งไปเที่ยวออนเซ็น โรงผลิตไวน์ และอื่นๆ กันดูไหมคะ?
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
ที่ภาคโมกามิ ทางเหนือของจังหวัดยามากาตะ คุณสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมนั่งเรือที่ค่อยๆ ล่องไปตามแม่น้ำ
คอร์สมี 2 แบบให้เลือก แบบแรกคือ คอร์สที่ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง จากท่าเรือฟุรุคุจิ (Furukuchi) ไปยังท่าเรือคุซานางิ (Kusanagi) เดินเรือโดยบริษัท MOGAMIKYO BASYOURAIN KANKO ขากลับสามารถนั่งรถบัสย้อนไปยังจุดที่ออกเดินทางมาได้
อีกแบบหนึ่งเป็นคอร์สนั่งจากจุดปล่อยเรือทาคายะ (Takaya ใกล้สถานี JR Takaya) แวะขึ้นไปที่ "ศาลเจ้าเซ็นนินโด (Sennindo)" สถานที่เสริมดวงเรื่องเนื้อคู่ แล้วนั่งกลับ (Takaya – Sennindo–Takaya) เดินเรือโดยบริษัท Mogamigawa Funakudari Yoshitsune Roman Kanko
ค่าบริการของแต่ละคอร์สประมาณ 2,500 เยน หากจองล่วงหน้าจะได้ชิมอาหารอย่างโซบะหรือข้าวกล่องด้วย ไปล่องเรือชมทิวทัศน์อันงดงามแต่ละฤดูกาลอย่างน้ำตกหรือใบไม้เปลี่ยนสีเลียบไปตามแม่น้ำ พลางฟังเพลงเรือญี่ปุ่นที่ร้องโดยคนแจวเรือกันเถอะค่ะ
Photo by PIXTA
โกดังซังเคียว ที่อยู่ในเมืองซาคาตะ (Sakata) เป็นโกดังที่ใหญ่ที่สุดในการเก็บข้าวสารของภาคโชไนที่มีชื่อเสียงเรื่องข้าวค่ะ ภาพของอาคารโกดังผนังดินแบบดั้งเดิม 12 หลังและต้นเคยากิ (Japanese zelkova ต้นไม้ที่นิยมมาทำเป็นบอนไซ) ที่เรียงรายให้การปกป้องข้าวจากแสงแดดและลม เต็มไปด้วยบรรยากาศมีเสน่ห์แบบเก่าๆ ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่ถ่ายทำละครโทรทัศน์ยอดนิยมเรื่อง "โอชิน" ด้วย
ภายในบริเวณยังมี ซากาตะยูเมะโนะคุระ (Sakata Yume No Kura) พิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมของหมู่บ้านเกษตรกรรม ที่คุณสามารถกินอาหารที่ทำจากวัตถุดิบในท้องถิ่นและหาซื้อของฝากที่มีเอกลักษณ์ในแบบโชไนได้
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
พิพิธภัณฑ์ฮมมะที่อยู่ใกล้กับโกดังซังเคียว เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงกระเบื้องเคลือบ เครื่องปั้นดินเผา ภาพวาด และอื่นๆ ซึ่งตระกูลฮมมะ ผู้ถือครองที่ดินขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมืองซาคาตะสะสมไว้ นอกจากจะดื่มด่ำไปกับผลงานศิลปะที่หลากหลายแล้ว แนะนำว่าต้องไปชม สวนคาคุบุเอ็น (Kakubuen Garden) สวนญี่ปุ่น กับทิวทัศน์งดงามในแต่ละฤดูกาลเช่นกันค่ะ
เซเอ็นคาคุ (Seienkaku) ที่อยู่ติดกับสวนคาคุบุเอ็น เป็นอาคารที่ใช้รับรองต้อนรับราชวงศ์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูง ชั้น 1 เป็นห้องน้ำชา สามารถกินขนมญี่ปุ่น จิบชาเขียว และชมวิวของสวนไปได้ด้วย
ภูเขาฮากุโระที่อยู่ในเมืองสึรุโอกะ (Tsuruoka) เป็นภูเขาลูกหนึ่งใน เดวะซันซัง (Dewasanzan) ศูนย์กลางความศรัทธาของผู้คนบนภูเขาในภูมิภาคโทโฮคุ มีผู้ศรัทธามากมายเดินทางมากราบไหว้ตั้งแต่ในอดีต
จากประตูซุยจิน (Zuishinmon ประตูที่ป้องกันสิ่งชั่วร้ายเข้ามาของศาลเจ้า) ที่เป็นทางเข้าของเส้นทางขึ้นเขาจนถึงยอดเขา ใช้เวลาเดินราว 1 ชั่วโมงไปตามขั้นบันไดและทางเดินที่ปูด้วยหิน ขณะที่มุ่งไปยังจุดหมาย ก็มาแวะพักเหนื่อยที่จุดพักแล้วชิมจิคาระโมจิ (Chikara Mochi โมจิพลัง) ของขึ้นชื่อกับชาเขียวกันนะคะ
ระหว่างทางมีไฮไลท์น่าสนใจอย่างทิวแถวของต้นสนที่ได้รับเลือกใน Michelin Green Guide Japan และ เจดีย์ห้าชั้น (Five-Storied Pagoda) ที่ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ เป็นต้น บนยอดเขามี ศาลเจ้าเดวะซันซัง (Dewa Sanzan Shrine) ที่สถานที่สักการะเทพเจ้าของเดวะซันซัง (ประกอบด้วยภูเขาฮากุโระ, ภูเขากัซซัง (Mt. Gassan) และภูเขายุโดโนะ (Mt. Yudono))
Photo by PIXTA
พิพิธภัณฑ์จิโดคือคฤหาสน์ของตระกูลซากาอิ (Sakai) ที่ปกครองพื้นที่นี้ในช่วงศตวรรษที่ 17 ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม ในบริเวณคฤหาสน์มีอาคารเชิงประวัติศาสตร์ที่เป็นทรัพย์สินวัฒนธรรมที่สำคัญหลายหลัง เราจะได้เห็นสถานีตำรวจสึรุโอกะหลังเก่าที่ผนังด้านนอกเป็นสีฟ้าดูมีเอกลักษณ์ และบ้านพักส่วนตัวของตระกูลชิบูยะในอดีตเป็นบ้านโบราณที่มีหลังคามุงจาก เป็นต้น
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
นอกจากสิ่งของอันล้ำค่าต่างๆ เช่น เครื่องมือการเกษตรและของใช้ในชีวิตประจำวันในสมัยก่อนแล้ว ไม่นานมานี้ได้มีการจัดนิทรรศการร่วมกับอนิเมะยอดฮิตเรื่อง โทเค็นรันบุ (Touken Ranbu) ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันด้วย
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคาโมะอยู่ในเมืองสึรุโอกะหันหน้าสู่ทะเลญี่ปุ่น เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่จัดแสดงแมงกะพรุนหลากหลายสายพันธุ์มากที่สุดในโลก สิ่งที่เป็นไฮไลท์ที่สุดคือคุราเกะดรีมเธียร์เตอร์ (Jellyfish Dream Theater) ที่จะได้เห็นแมงกะพรุนจำนวนมากล่องลอยในแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่มีแสงสวยงามชวนฝัน หลายคนผ่อนคลายด้วยการชมแมงกะพรุนบ้างเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปบ้าง
นอกจากจะได้ชมสิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่น สิงโตทะเล แมวน้ำ และปลาหมึกที่อาศัยอยู่ในทะเลญี่ปุ่น ยังมีอาหารพิเศษเฉพาะที่นี่อย่างซอฟท์ครีมที่ท็อปปิ้งด้วยแมงกะพรุน
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
"จูโรคุระคังอิวะ" (แปลว่า โขดหินพระอรหันต์ 16 รูป เช่น พระศากยมุนีพุทธ, พระมัญชุศรี) อยู่ในเมืองยูซะ (Yuza) ติดกับจังหวัดอาคิตะ เราจะได้เห็นพระพุทธรูปสลักบนโขดหิน 22 องค์เลียบไปตามทะเลญี่ปุ่น
นี่เป็นสิ่งที่พระญี่ปุ่นในวัดใกล้ๆ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ชาวประมงที่เสียชีวิตในทะเลและอธิษฐานเพื่อความปลอดภัยทางทะเล ว่ากันว่าเป็นการแกะสลักบนหินธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น
นอกจาก จะสามารถชมโขดหินและพระอาทิตย์ตกดินอันแสนงดงามโดยทะเลเป็นฉากหลังจากจุดชมวิว 360 องศาแล้ว ในช่วงฤดูร้อนยังมีการจัดแสงไลท์อัพในตอนกลางคืนสวยงามไปอีกแบบด้วย
Photo by PIXTA
จังหวัดยามากาตะมีสินค้าท้องถิ่นขึ้นชื่อและอาหารพื้นเมืองที่หลากหลาย สามารถหากินได้ในร้านอาหารต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการผลิตเหล้าญี่ปุ่นที่เฟื่องฟูมาก ว่ากันว่ามีโรงผลิตเหล้ามากกว่า 50 แห่ง
ร้านอิซากายะภายในจังหวัด ให้บริการเหล้าญี่ปุ่นกับอาหารนานาชนิด เช่น อิโมะนิ (Imoni) อาหารพื้นบ้านที่นำเผือกมาต้มกับเนื้อวัว (หรือเนื้อหมู) ผักดองที่ทำจากผักพื้นบ้านโบราณ ซุปดงการะจิรุ (Dongarajiru) อาหารประเภทนาเบะที่ทำจากปลาทาระทั้งตัว และอาหารป่าอื่นๆ
จังหวัดยามากาตะนิยมปลูกผลไม้ต่างๆ เช่น เชอร์รี่และลาฟรานซ์ (สาลี่ยุโรป) เป็นต้น
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
ร้านฮาตาเกะสไตล์ (HATAKE Style) หน้าสถานี Yamagata สามารถสั่งพาร์เฟต์ผลไม้และซอฟท์ครีมเชอร์รี่แบบ Take out ได้
นอกจากนี้ยังมี ฟรุตพลาซ่า (Fruit Plaza) (เมืองยามากาตะ) ที่ลิ้มลองน้ำผลไม้สดได้ มิจิโนะเอคิซากาเอะเชอร์รี่แลนด์ (Road Station Sagae Cherry Land) (เมืองซากาเอะ) ที่ขึ้นชื่อเรื่องไอศกรีมเจลาโต้ อาโอโมริยะ (Aomoriya) (เมืองสึรุโอกะ) ที่มีทาร์ตผลไม้ยอดนิยม
เนื้อวัวโยเนซาวะเป็นวัวญี่ปุ่นชนิดหนึ่งที่เลี้ยงในจังหวัดยามากาตะ ว่ากันว่าเป็น1 ใน 3 เนื้อวากิวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นถัดจากเนื้อวัวมัตสึซากะ (Matsusaka beef) และเนื้อวัวโกเบ (Kobe beef) พื้นที่ของโยเนซาวะรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงชัน อุณหภูมิในช่วงกลางวันกับกลางคืน ฤดูร้อนกับฤดูหนาวแตกต่างกันมาก ทำให้ได้ลายเนื้อหินอ่อนละเอียดและละลายในปาก
หากอยากลิ้มรสเนื้อวัวโยเนซาวะ เราขอแนะนำ อุเอซุกิ ฮาคุชาคุเท (Uesugi Hakushakutei) ท่ามกลางสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เราจะได้ลิ้มรสสเต็กเนื้อวัวโยเนซาวะและโรสท์บีฟ (Roast Beef เนื้อวัวอบ) พลางชมสวนญี่ปุ่นไปด้วย นอกจากนี้ยังมี โยเนซาวากิว โทคิวะ (Yonezawagyu Tokiwa) ร้านเก่าแก่ในเมืองโยเนซาวะที่จักรพรรดิโชวะ (สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ: ค.ศ. 1901 – 1989) เคยมาเยือน มีเมนูขึ้นชื่อคือสุกี้ยากี้
Picture courtesy of Yamagata Prefecture Tourist Association
แม้จังหวัดยามากาตะตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ แต่อุณหภูมิสูงสุดในช่วงฤดูร้อนก็อยู่ในระดับต้นๆ เลยทีเดียว ฮิยาชิราเม็ง (ราเม็งเย็น) ที่คิดขึ้นเพื่อให้ข้ามผ่านฤดูร้อนไปได้ จึงกลายเป็นเมนูขึ้นชื่อของท้องถิ่น
ร้านที่เป็นจุดเริ่มต้นคือ ซากาเอะยะ สาขาใหญ่ (Sakae-ya Honten) ที่อยู่ใกล้กับคาเฟ่โกะเท็นเซคิและพิพิธภัณฑ์บุนโชคัง ฮิยาชิราเม็ง ที่ได้จากการทดลองซ้ำๆ เพื่อไม่ให้ไขมันจับตัวเป็นก้อนแม้จะถูกแช่เย็น มีรสชาติอ่อนๆ แต่ก็เข้มข้น เป็นที่นิยมมากในช่วงฤดูร้อนถึงขนาดรอคิวยาว
นอกจากนี้ ในละแวกเมืองยามากาตะยังมีร้านยอดนิยมมากมาย เช่น โจไซ คิงจังราเม็ง (Josai Kinchan Ramen) ที่พิถีพิถันในการทำเส้นเอง และ ชูจังราเม็ง (Shuchan Ramen) ที่มีฮิยาชิมิโซะราเม็งเป็นเมนูขึ้นชื่อของร้าน
นอกจากจังหวัดยามากาตะจะมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์อย่างภูเขาซาโอ ภูเขาฮากุโระ แม่น้ำโมกามิและทะเลญี่ปุ่นแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอย่างออนเซ็นและซากปราสาทที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และยังมีเสน่ห์ในเรื่องอาหารพื้นบ้านที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วย หากเดินทางมายังภูมิภาคโทโฮคุ ลองตามบทความนี้ไปเที่ยวที่ยามากาตะให้สนุกกันนะคะ
เกิดที่จังหวัดยามากาตะ ฉันมีประสบการณ์ทำงานในการพัฒนาชุมชนบริเวณตีนเขาฟูจิและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นทั่วประเทศ และปัจจุบันทำงานที่โตเกียวเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดยามานาชิ คุณแม่ลูกหนึ่งที่ชื่นชอบอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในท้องถิ่น