Start planning your trip
สัมผัสกับประวัติศาสตร์และธรรมชาติ! 9 สิ่งน่าทำในมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ (Matsumoto, Nagano)
มัตสึโมโตะ เมืองแห่งประวัติศาสตร์ ศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรม เดินทางจากเมืองศูนย์กลางราว 2 ชั่วโมง 40 นาที ไปชมพิพิธภัณฑ์, ซากประวัติศาสตร์ และตะลึงกับปราสาทมัตสึโมโตะ (5 หลังคา 6 ชั้น) ที่มีเพียง 2 แห่งในญี่ปุ่นกันค่ะ
เมืองมัตสึโมโตะ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม
เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ รุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีตในฐานะเมืองรอบปราสาทของปราสาทมัตสึโมโตะที่ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองแม้ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นถนนที่ยังคงมีทิวทัศน์อาคารบ้านเรือนแบบสมัยก่อน พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สัมผัสได้ถึงศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น และอาหารท้องถิ่นที่หยั่งรากลึกอยู่ในพื้นที่แห่งนี้
ยิ่งถ้าออกไปชานเมือง จะได้พบกับธรรมชาติอันกว้างใหญ่ซึ่งสามารถไปปีนเขาหรือทำกิจกรรมบนหิมะได้อย่างที่คามิโคจิ (Kamikochi) และหมู่บ้านฮาคุบะ (Hakuba Village) ขอแนะนำให้วางแผนเที่ยวโดยเริ่มต้นจากมัตสึโมโตะจะสะดวกมากค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากสถานีชินจูกุ โตเกียว โดยรถไฟด่วนพิเศษประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที จากโอซาก้าหรือเกียวโตโดยรถไฟชินคันเซ็นหรือรถไฟด่วนพิเศษใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงค่ะ
ในบทความนี้ ขอแนะนำสิ่งน่าทำเมื่อไปเยือนมัตสึโมโตะกันค่ะ
สารบัญ
- 1. เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ปราสาทมัตสึโมโตะ สมบัติแห่งชาติ
- 2. ชมคอลเลคชั่นศิลปะของคุซามะ ยาโยอิและถ่ายรูปคูลๆ ที่ "พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto City Art Museum)"
- 3. สัมผัสศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ "พิพิธภัณฑ์อุคิโยะเอะญี่ปุ่น (Japan Ukiyo-e Museum)"
- 4. เดินเล่นชมอาคารบ้านเรือนเก่า
- 5. ทัศนศึกษา "อาคารของอดีตโรงเรียนไคจิ" โรงเรียนประถมที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
- 6. เงี่ยหูฟังเสียงเวลาที่ไหลไปใน "พิพิธภัณฑ์นาฬิกาเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto Timepiece Museum)"
- 7. เที่ยวศาลเจ้า 2 แห่ง
- 8. ดื่มด่ำกับอาหารและเบียร์ท้องถิ่น
- 9. ออกไปเที่ยวชานเมืองมัตสึโมโตะ
- การเดินทางไปยังมัตสึโมโตะ
1. เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ปราสาทมัตสึโมโตะ สมบัติแห่งชาติ
ปราสาทมัตสึโมโตะสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของผู้บัญชาการทหารในช่วงเซ็นโกคุ (Sengoku Period ช่วงสงครามกลางเมือง) ราวปี 1500 ภายนอกดูเหมือนโครงสร้าง 5 ชั้น แต่จริงๆ แล้วด้านในเป็นโครงสร้าง 6 ชั้น ปราสาทที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมนี้ในประเทศญี่ปุ่นมีแค่ปราสาทมัตสึโมโตะและปราสาทฮิเมจิ เพียง 2 แห่งเท่านั้น กำแพงด้านนอกที่ทาด้วยแล็กเกอร์สีดำก็งดงาม สมกับเป็นสมบัติแห่งชาติที่ล้ำค่าจริงๆ
เมื่อเข้าไปด้านใน สิ่งที่สะดุดตาคือบันไดที่เอียงมากถึง 61 องศา และเสาที่ให้ความรู้สึกโอ่อ่า มีอุปกรณ์ช่างไม้ที่ใช้สร้างปราสาท และปืนคาบศิลาที่เป็นอาวุธในสมัยนั้นจัดแสดงอยู่ด้วย สามารถชมทิวทัศน์อันงดงามของเมืองมัตสึโมโตะและเทือกเขาแอลป์ทางเหนือ (*) จากหอคอยชั้นบนสุดของปราสาท (ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 610 เยน, นักเรียนประถม-มัธยม: 300 เยน, เด็กอายุต่ำกว่าชั้นประถมเข้าฟรี)
* เทือกเขาแอลป์ทางเหนือ…..ก็คือเทือกเขาอาคาอิชิ เรียกรวมกับเทือกเขาฮิดะและเทือกเขาคิโซะ เป็น “เจแปนแอลป์” เป็นเทือกเขายาวกินพื้นที่หลายจังหวัด
ปราสาทมัตสึโมโตะในตอนกลางคืนจะมีไลท์อัพตลอดทั้งปี และมีการจัดอีเวนท์ที่สัมผัสได้ถึงฤดูกาลทั้งสี่อีกด้วย เช่น ในฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกซากุระ ในฤดูร้อนจะมีศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิม ส่วนในฤดูหนาวจะมีการแกะสลักน้ำแข็ง จากสถานี JR มัตสึโมโตะ (JR Matsumoto Station) นั่งทาวน์สนีกเกอร์ (Town Sneakers) รถบัสเที่ยวรอบมัตสึโมโตะ ใช้เวลา 10 นาทีค่ะ
โรงแรมแนะนำใกล้ปราสาทมัตสึโมโต้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
2. ชมคอลเลคชั่นศิลปะของคุซามะ ยาโยอิและถ่ายรูปคูลๆ ที่ "พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะ"
"The Visionary Flowers" by Yayoi Kusama, 2002. Picture courtesy of Matsumoto City Museum of Art
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะที่มีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรของศิลปินที่มีความเกี่ยวโยงกับเมืองมัตสึโมโตะ ในพื้นที่กลางแจ้งมี "Moboroshi No Hana (The Visionary Flowers)" ผลงานศิลปะขนาดใหญ่ของคุซามะ ยาโยอิ ศิลปินแนวเปรี้ยวจี๊ดชื่อดังที่เกิดในเมืองมัตสึโมโตะวางประดับอยู่ ภายในห้องนิทรรศการมีคอลเลคชั่นศิลปะของคุซามะ ยาโยอิ เช่น ซีรี่ส์ "Ai wa Tokoshie (Love Forever)"
ยังมีคอลเลคชั่นผลงานหลากหลายประเภทของศิลปินต่างๆ เช่น โฮโซคาวะ มุเนะฮิเดะ ศิลปินแกะสลัก และคามิโจ ชินซัง นักเขียน ที่เกิดในเมืองมัตสึโมโตะเช่นกัน จากสถานี JR มัตสึโมโตะ ใช้เวลาเดิน 12 นาที หากนั่งรถทาวน์สนีกเกอร์ เส้นทางตะวันออก (Town Sneaker East Course) รถบัสที่วิ่งรอบเมือง จะใช้เวลาประมาณ 14 นาที
*มีกำหนดการปิดให้บริการเป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากจะทำการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปีงบประมาณ 2021
โรงแรมแนะนำใกล้พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะ
3. สัมผัสศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ "พิพิธภัณฑ์อุคิโยะเอะญี่ปุ่น"
Picture courtesy of Japan Ukiyo-e Museum
พิพิธภัณฑ์อุคิโยะเอะญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ตระกูลซากาอิ ผู้ค้าส่งกระดาษในเมืองมัตสึโมโตะได้รวบรวมภาพอุคิโยะ เพื่อเก็บคอลเลคชั่นที่ล้ำค่าเอาไว้ จึงก่อตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาในปี 1982 ปัจจุบันมีการจัดแสดงและวิจัยผลงานด้วย
ภาพอุคิโยะ (Ukiyo-e) เป็นภาพศิลปะญี่ปุ่นประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยเอโดะ (ปี 1603-1868) ภาพอุคิโยะเป็นภาพของทิวทัศน์ ผู้คน และการดำเนินชีวิตทางโลกแบบสุขนิยมในสมัยนั้น
บรรยากาศภายในร้าน Picture courtesy of Japan Ukiyo-e Museum
ในยุคสมัยที่อุปกรณ์ศิลปะมีแค่สีดำของหมึก ได้เกิดการสร้างสรรค์ภาพที่มีสีสันโดยใช้สีย้อมผ้าธรรมชาติอย่างดอกคำฝอยหรือครามขึ้น นอกจากภาพวาดแล้ว ยังมีภาพพิมพ์ที่ผลิตได้ครั้งละมากๆ กล่าวได้ว่าเป็นยุคสมัยที่ชาวบ้านทั่วไปเริ่มเพลิดเพลินกับงานศิลปะ
ในพิพิธภัณฑ์อุคิโยะเอะญี่ปุ่น ยังมีการเก็บสะสมผลงานของศิลปินภาพอุคิโยะที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างโทชูซาอิ ชะราคุ, อุทากาวะ ฮิโรชิเกะ และคัทสึชิกะ โฮคุซาอิ ไว้หลายชิ้นด้วย
4. เดินเล่นชมอาคารบ้านเรือนเก่า
ถนนนาคามาจิ (Nakamachi Street)
ไปเดินเล่นที่ถนนนาคามาจิ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีมัตสึโมโตะโดยใช้เวลาเดิน 6 นาทีกันค่ะ เมืองมัตสึโมโตะเคยเป็นเมืองรอบปราสาทที่มีประวัติยาวนานถึง 400 ปี ที่คึกคักไปด้วยร้านขายสุราและกิโมโนมาก่อน เนื่องจากประสบเหตุการณ์ไฟไหม้มาหลายครั้ง จึงสร้างบ้านที่เป็นกำแพงนามาโกะ (กำแพงปลิงทะเล ซึ่งมาจากลักษณะส่วนขาวที่นูนดูคล้ายปลิงทะเล) โดยฉาบปูนปลาสเตอร์บนกำแพงดิน มีคุณสมบัติทนไฟ ปัจจุบันก็ยังคงรักษาทิวทัศน์อาคารบ้านเรือนไว้เป็นอย่างดี
ย่านนี้มีร้านค้าดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ของมัตสึโมโตะหลายแห่ง เช่น "ร้านขนมฟูจิมุระ (Okashi Dokoro Fujimura)" ที่เพลิดเพลินกับมันจูไส้ชินชู (Shinshu sake) ซึ่งเป็นเหล้าท้องถิ่น, "ร้านอุซุยากิคาเฟ่ มาเมะมาเมะ (Usuyaki Cafe Mame Mame)" ที่สามารถสั่งอุซุยากิกลับบ้านได้ อุซุยากิ (หน้าตาคล้ายแพนเค้กไส้ผักผลไม้) เป็นอาหารท้องถิ่นที่ทำจากแป้งสาลีหรือแป้งโซบะ ผสมผักหรือผลไม้ตามฤดูกาล นำไปทอดในกระทะ รวมทั้ง “ร้านเครื่องแต่งกายซันวะ (SANWA)" ที่เพลิดเพลินกับของกระจุกกระจิกสไตล์ญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ถนนนาวาเตะ (Nawate Street)
ถนนนาวาเตะที่ตั้งอยู่ระหว่างสถานีมัตสึโมโตะและปราสาทมัตสึโมโตะ เป็นย่านการค้าที่จำลองสภาพบ้านเรือนสมัยเอโดะขึ้นใหม่ ปี 1879 มีการสร้าง “ศาลเจ้าโยฮาชิระ (Yohashira Shrine)" ที่บูชาเทพเจ้า 4 องค์ ถนนนาวาเตะเป็นทางเดินไปยังศาลเจ้าที่เต็มไปด้วยความคึกคัก
มีร้านค้าเรียงรายกว่า 40 ร้าน เช่น “ร้านเซมเบ้ทำมือ ไรจินโด สาขามัตสึโมโตะนาวาเทะโดริ (Raijindo Matsumoto Nawate-Dori)" ที่มีเซมเบ้ทำมือแสนอร่อยที่ทำจากชินชูมิโซะ, "ไทยากิ ฟุรุซาโตะ (Taiyaki Furusato)" ร้านไทยากิที่ใช้วิธีย่างแบบโบราณ รวมทั้ง "TOCA by lifart" เป็น Select Shop (เป็นภาษาอังกฤษแบบญี่ปุ่น หมายถึง ร้านที่คัดสรรสินค้าหลากหลายมาจำหน่ายตามคอนเซปต์ของร้าน) ที่มีสินค้าเบ็ดเตร็ดที่ทำให้ชีวิตประจำวันมีสีสันยิ่งขึ้น และร้านค้าอื่นๆ อีกเพียบ
5. ทัศนศึกษา "อาคารของอดีตโรงเรียนไคจิ" โรงเรียนประถมที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
โรงเรียนไคจิสร้างขึ้นในปี 1876 เป็นโรงเรียนประถมที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาอาคารเรียนของญี่ปุ่นในปัจจุบัน อาคารมีความโดดเด่นตรงมีที่จอดเทียบรถยนต์ ซึ่งเป็นส่วนหลังคาที่ยื่นออกมาตรงทางเข้า เป็นหลังคาที่มีลักษณะคล้ายวัด และมีการแกะสลักในสไตล์ตะวันตก
โคะโร (Drum tower) หอแจ้งเวลา ที่ออกแบบเป็นทรงแปดเหลี่ยม ในสมัยนั้น สถานที่ที่สามารถชมสถาปัตยกรรมสไตล์กิโยฟู (สถาปัตยกรรมที่เลียนแบบชาติตะวันตก) ซึ่งได้รับความนิยม ก็คืออาคารของอดีตโรงเรียนไคจิ เมื่อเข้าไปดูด้านใน จะเห็นโต๊ะและเก้าอี้ที่เคยใช้ในห้องเรียนสมัยก่อน และกระดานดำขนาดเล็กที่เคยใช้เป็นสมุดจดด้วย
6. เงี่ยหูฟังเสียงเวลาที่ไหลไปใน "พิพิธภัณฑ์นาฬิกาเมืองมัตสึโมโตะ"
จากสถานีมัตสึโมโตะใช้เวลาเดินราว 10 นาที จะเจอพิพิธภัณฑ์นาฬิกาเมืองมัตสึโมโตะที่มีคอลเลคชั่นนาฬิกาเก่าหายาก และมีนาฬิกาลูกต้มขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอก คอยต้อนรับผู้มาเยือน
นาฬิกาที่จัดแสดงหลักๆ เป็นของที่ฮนดะ จิคาโซ ช่างเทคนิคและนักสะสมนาฬิกาเก่าบริจาคให้กับเมืองมัตสึโมโต้ นอกจากนั้นยังมีนาฬิกาที่ชาวเมืองมอบให้ด้วย เนื่องจากความใส่ใจของผู้จัดในการจัดแสดงนาฬิกาในลักษณะที่ทำงานอยู่ เมื่อเข้าไปด้านใน ตัวเราก็จะห้อมล้อมไปด้วยเสียงของเข็มวินาทีที่เดินอยู่และเสียงนาฬิกาบอกเวลาทั้งสิ้น
โรงแรมแนะนำใกล้พิพิธภัณฑ์นาฬิกามัตสึโมโตะ
7. เที่ยวศาลเจ้า 2 แห่ง
ศาลเจ้าโยฮาชิระ
ศาลเจ้าโยฮาชิระตั้งหันหน้าสู่ถนนนาวาเตะ สร้างขึ้นในปี 1879 และได้รับการบูรณะอีกครั้งในปี 1924 หลังถูกเพลิงไหม้ ศาลเจ้านี้บูชาเทพเจ้า 4 องค์ตามชื่อ (โยฮาชิระ แปลว่า เทพเจ้า 4 องค์)
อาเมโนมินากานุชิโนะคามิ (Amenominakanushi no Kami)ที่สถิตอยู่ที่นี่ เป็นเทพเจ้าผู้รวบรวมมุสุบิโนะคามิ (เทพเจ้าที่มีพลังให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้) ให้เป็นหนึ่งเดียว, ทาคามิมุซุบิโนะคามิ (Takamimusubi no Kami)กับคามิมุซุบิโนะคามิ (Kamimusubi no Kami)เป็นเทพเจ้าผู้สร้างชีวิต ส่วนอามาเทราซุโอมิคามิ (Amaterasu Omikami)หรือที่เรียกกันว่าสุริยเทพ เทพเจ้าที่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น
ภายในศาลเจ้ามีต้นสน 2 ต้นที่เติบโตขึ้นมาจากรากเดียว ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "ต้นสนเนื้อคู่" ที่นี่จึงเป็นสถานที่เสริมดวงเรื่องเนื้อคู่ที่มีผู้มาสักการะจำนวนมาก บรรยากาศของศาลเจ้าและแมกไม้ต่างๆ อย่างต้นไม้สีเขียวชอุ่มในฤดูร้อน หรือใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ช่างเหมาะกับการถ่ายรูปมากๆ ค่ะ
โรงแรมแนะนำใกล้ศาลเจ้าโยฮาชิระ
ศาลเจ้าเท็นจินฟุคาชิ (Tenjin Fukashi Shrine)
ศาลเจ้าเท็นจินฟุคาชิที่ใช้เวลาเดินจากสถานีมัตสึโมโตะราว 15 นาที ชื่อ “ฟุคาชิ” ของศาลเจ้ามีความหมายว่า "ความปรารถนาที่ลึกซึ้ง" ว่ากันว่า ในปี 1504 มีการสร้างปราสาทฟุคาชิในบริเวณที่เป็นปราสาทมัตสึโมโตะในปัจจุบัน ผู้ติดตามในตระกูลโอกาซาวาระซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารของจังหวัดนากาโนะในสมัยก่อน ได้สร้างศาลเจ้าฟุคาชิขึ้นเพื่อเป็นเหมือนเทพเจ้าที่คุ้มครองปราสาท
เทศกาลเท็นจินที่จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 2 วัน ในวันที่ 24-25 กรกฎาคม มีการลากดาชิ (รถลากขนาดใหญ่)เป็นเกี้ยวที่ติดล้อและมีการประดับตกแต่ง ซึ่สร้างความคึกคักไปทั่วเมือง ไฮไลท์ที่น่าสนใจของเทศกาลคือการชมศิลปะต่างๆ ของตุ๊กตา การตกแต่งหลังคา การแกะสลัก และอื่นๆ บนดาชินี้ซึ่งคนในท้องถิ่นจะเรียกว่าบุไต
โรงแรมแนะนำใกล้ศาลเจ้าฟุคาชิ
8. ดื่มด่ำกับอาหารและเบียร์ท้องถิ่น
หากไปเที่ยวที่มัตสึโมโตะแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ชินชูโซบะกับโอยากิ (Oyaki)ค่ะ เพราะจังหวัดนากาโนะมีภูเขามากมายนี่เอง จึงปลูกโซบะและข้าวสาลีได้ดีกว่าข้าว ทำให้เกิดอาหารท้องถิ่นหลายเมนู
ตามย่านต่างๆ ในเมืองอย่างถนนนากามาจิหรือหน้าสถานี มีร้านโซบะหลายร้านที่สามารถกินชินชูโซบะสีเข้มกลิ่นหอมหวนได้ ร้านยอดนิยมคือ "ร้านโซบะอาซาดะ (Soba asada Matsumoto)" ร้านขายโซบะและสาเกญี่ปุ่น ใช้เวลาเดินจากสถานีมัตสึโมโตะ 10 นาที
ร้านจะปิดทันทีที่ขายหมด คนที่อยากชิมให้ได้ แนะนำให้ไปก่อนเวลา 11:30 ก่อนเวลาเปิดร้านสักเล็กน้อยค่ะ
โอยากิมักกินแทนขนม เป็นของขึ้นชื่อของนากาโนะ ทำจากแป้งสาลีห่อถั่วแดงกวนหรือไส้ผักตามฤดูกาลแล้วนำไปย่างบนกระทะ ที่ร้าน "ทาคาโจอัน (Takajo-An)" ร้านขายโอยากิที่อยู่ห่างจากสถานีมัตสึโมโตะโดยใช้เวลาเดินราว 14 นาที เราจะได้ลิ้มลองโอยากิกว่า 10 ชนิดจากแป้งหมักยีสต์ธรรมชาติ และไส้ต่างๆ ที่ปรุงรสขึ้นเอง
อาหารท้องถิ่นในมัตสึโมโตะอีกอย่างก็คือซังโซคุยากิ (Sanzokuyaki)ค่ะ เป็นไก่ทอดชิ้นใหญ่ ที่นำเนื้อไก่ทั้งชิ้นหมักกับซอสโชยุที่ผสมของสมุนไพรต่างๆ อย่างขิงและกระเทียม ชุบแป้งมันแล้วนำไปทอด
เดินจากสถานีมัตสึโมโตะไปราว 15 นาที จะเจอ "อิปโปะ (Ippo)" ร้านอิซากายะใกล้ปราสาทมัตสึโมโตะ ที่สามารถดื่มด่ำกับซังโซคุยากิชิ้นยักษ์ ซึ่งปรุงรสด้วยซอสมิโสะเข้มข้นและนำไปทอด 2 ครั้งจนผิวด้านนอกกรุบกรอบ นอกจากร้านอิซากายะแล้วยังกินได้ที่ร้านโซบะบางแห่งด้วย
ยิ่งกว่านั้น หากอยากดื่มสักแก้วระหว่างท่องเที่ยวแล้ว! ขอแนะนำให้ลองชิ้มคราฟท์เบียร์ที่ผลิตในมัตสึโมโตะกันค่ะ ที่ "มัตสึโมโตะบลิวเวอร์แท็ปรูม สาขานากามิจิ (Matsumoto Brewery Tap Room)" บนถนนนาคามาจิ และบนชั้น 3 ของชินไมมีเดียการ์เด้น (Shinmai Media Garden) คุณจะได้เพลิดเพลินกับเบียร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งผลิตจากน้ำสะอาดจากเทือกเขาแอลป์ทางเหนือได้
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 6 ชนิด เช่น เพล เอล (Pale ale) กลิ่นผลไม้ และ IPA ที่เน้นรสขม กำลังขยายการให้บริการเพิ่มขึ้นในสถานที่ต่างๆ อย่างร้านอาหารท้องถิ่นหรือโรงแรม
9. ออกไปเที่ยวชานเมืองมัตสึโมโตะ
ฟาร์มไดโอวาซาบิ (Daio Wasabi Farm) เมืองอาซุมิโนะ (Azumino)
ฟาร์มไดโอวาซาบิในเมืองอาซุมิโนะซึ่งอยู่ติดกับเมืองมัตสึโมโตะ เป็นฟาร์มวาซาบิที่ขนาดใหญ่มากที่มีคูน้ำเต็มไปหมด พื้นที่ของฟาร์มใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเมื่อ 100 ปีก่อนจะเป็นทุ่งหญ้ารกร้าง
มีหออนุสรณ์หนึ่งร้อยปีในฟาร์มให้เข้าไปศึกษาประวัติความเป็นมาตั้งแต่ช่วงบุกเบิกได้ นอกจากนี้ยังมีบริเวณริมน้ำที่มีกังหันวิดน้ำ ซึ่งเป็นโลเคชั่นถ่ายทำภายนตร์เรื่อง "Yume (ความฝัน)" ของผู้กำกับคุโรซาวะ อากิระ, โรงงานแปรรูปวาซาบิ (เข้าชมได้ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤศจิกายน), หอชมวิว, ศาลเจ้า, เรือ และอื่นๆ ซึ่งเหมาะแก่การไปเดินเล่นค่ะ
อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับเมนูอาหารที่ทำจากวาซาบิได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซอฟท์ครีม, โครกเกะ และแกงกะหรี่ รวมถึงยังสามารถทดลองทำวาซาบิดองได้ด้วย จากสถานีมัตสึโมโตะ นั่งรถไฟสายโออิโตะ (Ōito Line) ไปยังสถานีโฮตาคะ (Hotaka Station) ใช้เวลา 27 นาที จากสถานีโฮตาคะ นั่งรถบัสเที่ยวรอบอาซุมิโนะหรือแท็กซี่ต่อไปอีก 10 นาที
คามิโคจิ
ไปเดินเล่นที่คามิโคจิ ที่เหมาะที่สุดกับการปีนเขากันค่ะ จากสถานีรถบัส (Matsumoto Bus Terminal) ตรงทางออกฝั่งปราสาทของสถานีรถไฟมัตสึโมโตะ สามารถนั่งรถบัสธรรมดาโดยไม่ต้องต่อรถ สะดวกมากๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็จะถึงป้ายรถบัส (Kamaikochi Bus Terminal) ที่อยู่ใจกลางย่านคามิโคจิค่ะ พื้นที่ทั้งหมดขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติ ที่เชื่อมโยงธรรมชาติที่สมบูรณ์สู่คนรุ่นต่อไป
หากเป็นคอร์สระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แนะนำให้เดินเล่นริมแม่น้ำอาซุสะ ชมวิวทิวเขาโฮทาคะ เทือกเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,000 เมตร และเดินไปยังจุดที่มีรูปแกะสลักลายนูนของวอลเตอร์ เวสตัน มิชชันนารีชาวอังกฤษกันค่ะ คุณเวสตันเป็นนักปีนเขาที่พิชิตยอดเขาที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น
เมื่อเดินย้อนกลับตรงสะพานทาชิโระ (Tashiro Bridge) จะเห็นหุบเขายาเคะ (Mt. Yake) ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,455 เมตร
เส้นทางแอลป์ทาเทยามะคุโรเบะ (Tateyama Kurobe Alpine Route)
Photo by Pixta
เส้นทางแอลป์ทาเทยามะคุโรเบะเป็นเส้นทางภูเขาระหว่าง "สถานีทาเทยามะ (Tateyama Station)" จังหวัดโทยามะและ "สถานีโอกิซาวะ (Ōgizawa Station)" จังหวัดนากาโนะ ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่น่าทึ่งมากมาย รถส่วนบุคคลไม่สามารถเข้าได้ แต่จะนั่งพาหนะต่างๆ 6 แบบต่อกันไป
จากสถานีมัตสึโมโตะ นั่งรถไฟสายโออิโตะไปยังสถานีชินาโนะโอมาจิ (Shinano-Ōmachi Station) ใช้เวลาประมาณ 55 นาที จากสถานีชินาโนะโอมาจิ นั่งรถบัสต่อไปยังสถานีโอกิซาวะ" ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีค่ะ หากเดินทางไปจากเส้นทางฝั่งจังหวัดนากาโนะ จะเริ่มต้นจากรถบัสไฟฟ้าคันที่มุ่งหน้าไปเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) ค่ะ
เมื่อชมเขื่อนคุโรเบะที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว ให้นั่งเคเบิ้ลคาร์ (Cable car), โรปเวย์ (Rope way) และโทรลลี่บัส (Trolleybus) ต่อไปยังทาเทยามะมุโรโด (Tateyama Murodo) (สูงจากระดับน้ำทะเล 2,450 เมตร) ที่โอทานิ (Otani) ใกล้กับทาเทยามะมุโรโดมีปริมาณหิมะตกมาก เมื่อกำจัดหิมะจากถนนจะเกิดเป็นกำแพงหิมะสูงราว 20 เมตร ไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงาม เดินและสัมผัสกับกำแพงหิมะกันในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนมิถุนายนดูนะคะ
ในช่วงฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่ก็เป็นโลเคชั่นยอดเยี่ยมที่สุด น่าแวะเที่ยวในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างต่อรถนะคะ
ที่ราบสูงโนริคุระ (Norikura Plateau)
ที่ราบสูงโนริคุระตั้งอยู่ทางใต้ของภูเขาฮิดะ (Hida Mountains) ได้รับการขนานนามว่าเทือกเขาแอลป์ทางเหนือ เนื่องจากช่วงเวลาที่หิมะตกยาวนาน นอกจากสกีและสโนว์บอร์ดแล้ว ยังสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมได้หลากหลายอย่าง
กิจกรรมที่ทำได้ไม่ยากเลยก็คือสโนว์ชูทำให้เคลื่อนที่ไปบนที่ที่มีหิมะหนาได้ ไปติดต่อเช่าและลองใส่ไปเดินเล่นดูกันสักครึ่งวันก็สนุกดีนะคะ
สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์สูง สามารถสนุกกับแบ็กคันทรี่ (Backcountry) การเล่นสกีบนลานหิมะธรรมชาติที่ไม่ได้มีการปรับเตรียมไว้ให้เล่นได้ง่ายๆ โดยเดินทางจากสถานีมัตสึโมโตะ นั่งรถไฟสายอารุพิโคะ โคสึ คามิโคจิ (Alpico Kotsu Kamikochi Line) ใช้เวลา 30 นาที ก็จะถึงสถานีชินชิมะชิมะ (Shinshimashima Station) จากที่นี่นั่งรถบัสธรรมดาไปอีก 50 นาที ก็จะถึงที่ราบสูงโนริคุระค่ะ
หมู่บ้านฮาคุบะ
Photo by Pixta
หมู่บ้านฮาคุบะอยู่ทางเหนือของเทือกเขาแอลป์ทางเหนือ เป็นสถานที่ขึ้นชื่อในการเล่นหิมะ สโนว์โมบิลที่เห็นบนลานสกี เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สามารถลองเล่นได้ง่ายๆ ยังมีการจัดทัวร์ด้วย แต่ขอให้ตรวจสอบก่อน นอกจากนี้ยังสามารถตื่นเต้นเร้าใจไปกับสโนว์ราฟติ้ง (Snow rafting) การล่องแพยางไปบนภูเขาหิมะด้วย
จากสถานีมัตสึโมโตะ ให้นั่งรถไฟสายโออิโตะไปยังสถานีชินาโนะโอมาจิ แล้วต่อรถขบวนที่ไปสถานีมินามิโอทาริ (Minami-Otari Station) นั่งไปจนถึงสถานีฮาคุบะ (Hakuba Station) จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที จากสถานีฮาคุบะ ให้นั่งรถชัทเทิลบัส (Shuttle bus) ตรงไปยังลานสกีแต่ละแห่งจะสะดวกมากค่ะ
โรงแรมแนะนำใกล้หมู่บ้านม้าขาว
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
การเดินทางไปยังมัตสึโมโตะ
จากสถานีชินจูกุ
การเดินทางจากโตเกียวไปมัตสึโมโตะ กรณีเดินทางจากสถานีชินจูกุ นั่งรถไฟด่วนพิเศษอาซุสะ จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง 40 นาที (เที่ยวเดียว 6,620 เยน) ส่วนกรณีนั่งรถบัสด่วนพิเศษ จะใช้บริการของอารุพิโคะ โคสึ (Alpico Kotsu) หรือเคโอบัส (Keio Bus) ซึ่งจะออกเดินทางจากสถานีขึ้นรถบัสชินจูกุ ที่อยู่ใกล้ทางออกทิศใต้ของสถานีชินจูกุ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 3 ชั่วโมง 20 นาที (เที่ยวเดียว 3,800 เยน) ก็จะถึงป้ายรถบัสมัตสึโมโตะ (Matsumoto Bus terminal) ค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
จากสถานีโตเกียว
จากสถานีโตเกียว มีรถไฟด่วนพิเศษอาซุสะรอบ 16 นาฬิกาเพียง 1 ขบวนเท่านั้นที่วิ่งตรงไปยังมัตสึโมโตะ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง (เที่ยวเดียว 6620 เยนขึ้นไป) ดังนั้น หากเลือกวิธีการเดินทางแบบนั่งรถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็น (Hokuriku Shinkansen) ไปยังสถานีนากาโนะ (Nagano Station) จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที (เที่ยวเดียว 7,810 เยนขึ้นไป) และนั่งรถไฟด่วนพิเศษไวด์วิวชินาโนะ (Wide View Shinano) จากสถานีนากาโนะไปยังสถานีมัตสึโมโตะ ใช้เวลาอีกประมาณ 50 นาที (เที่ยวละ 2,900 เยน) จะวางแผนการเดินทางได้ง่ายและสะดวกกว่าค่ะ
บทส่งท้าย
มัตสึโมโตะ ผืนดินกว้างใหญ่ในจังหวัดนากาโนะที่ก่อกำเนิดประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และผู้คนที่อบอุ่น มีเสน่ห์ที่ทำให้คนญี่ปุ่นมากมายหลงใหล นอกจากนี้เรายังได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวย่านชานเมืองที่เดินทางจากมัตสึโมโตะได้เอาไว้ด้วย ประสบการณ์ที่ถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ จะทำให้การเที่ยวในญี่ปุ่นสนุกเพลิดเพลินยิ่งขึ้น
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
旅関連を中心に、いろいろなところで執筆しています。娘たちとお出かけしたい場所を探す日々。
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง