Start planning your trip
Shukobo Komadori-sanso ไปนอนวัดรีเฟรชกายใจในโตเกียว ที่เขามิทาเกะ! (Tokyo)
จากสถานีชินจูกุนั่งรถไฟ 1 ชั่วโมงครึ่งถึง JR สถานีมิทาเกะ ในภูเขามิทาเกะมีชุคุโบมากกว่า 20 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ Komadori-sanso ที่สามารถไปฝึกทำสมาธิใต้น้ำตกได้ ที่นี่เป็นชุคุโบที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
สำหรับคนที่อยากสัมผัสที่พักที่แตกต่างท่ามกลางภูเขา
"ไหนๆ ก็มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที อยากลองพักที่พักสไตล์ญี่ปุ่น หรือสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างจากเดิมสักหน่อย" หรือไม่ก็ "อยากหลีกหนีความวุ่นวายไปผ่อนคลายสักที่!" คงจะมีคนที่คิดแบบนี้อยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ?
สำหรับใครที่กำลังคิดแบบนี้ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ ชุคุโบ ค่ะ
ชุคุโบ แท้จริงแล้วหมายถึงที่พักที่ทำขึ้นสำหรับแขกที่เดินทางมานมัสการที่ศาลเจ้าหรือไหว้พระที่วัด ในปัจจุบันเปิดกว้างมากขึ้น คนทั่วไปก็สามารถเข้ามาพักได้
สิ่งที่ชุคุโบแตกต่างจากที่พักทั่วๆ ไปคือ สามารถสัมผัสกับพิธีทางศาสนาได้ตามแต่ละสถานที่ ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่พักที่วัดก็สามารถไปนั่งสมาธิ ฝึกชะเคียว (*1) และร่วมทำวัตรเช้ากับพระสงฆ์ได้
โคมะโดริ ซันโซ (Komadori-sanso) ที่เราเดินทางมาเยือนในครั้งนี้เป็นชุคุโบของศาลเจ้ามุซาชิมิทาเกะ (Musashi Mitake Shrine) บนยอดเขามิทาเกะที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 929 เมตร ที่นี่มีทาคิเกียว ทำสมาธิใต้น้ำตกตามวิถีชินโตให้ได้ทดลองด้วย ไม่ว่าจะมองไปทางด้านไหนก็จะเห็นภูเขาล้อมรอบ ถือเป็นเสน่ห์ของทำเลที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติจริงๆ
*1 : ชะเคียว ... การคัดลอกพระสูตรเพื่อฝึกสมาธิ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
โคมะโดริ ซันโซ ชุคุโบที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ
จากสถานีชินจูกุ ให้นั่งรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ลงที่สถานี JR มิทาเกะ ต่อรถบัส จากนั้นก็ขึ้นโรปเวย์อีกประมาณ 6 นาที ก็จะถึงยอดเขามิทาเกะ จากนั้นเดินตามทางที่จะไปศาลเจ้าอีกประมาณ 20 นาทีก็จะถึงโคมะโดริ ซันโซ
ถึงแล้วค่ะโคมะโดริ ซันโซ ประตูสีแดงชาดที่มีบรรยากาศเหมือนศาลเจ้าเลย เมื่อเข้าไปแล้วให้ตรงไปทางซ้าย ก็จะมองเห็นทางเข้าขนาดใหญ่
คุณบาบะ โยชิฮิโกะ ผู้ดูแลรุ่นที่ 17 กับภรรยายืนรอต้อนรับเราอยู่
คุณบาบะทำงานเป็น โอชิ อยู่ที่ศาลเจ้ามุซาชิมิทาเกะที่อยู่ใกล้ๆ โอชิคือผู้ดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่มาสักการะหรือมาพักแรมที่วัดและศาลเจ้า เขาสืบทอดชุุคุโบที่บรรพบุรุษดูแลมาตั้งแต่ยุคเอโดะแห่งนี้พร้อมกับภรรยาและลูกชาย
คุณบาบะบอกว่า "เชิญใช้เวลาเพื่อตัวเองแบบสบายๆ ให้เต็มที่นะครับ" คนที่มาพักบางคนก็ใช้เวลากับหนังสือตลอดทั้งวัน บางคนก็เข้าไปในป่าเพื่อสูดกลิ่นอายธรรมชาติ
และก็มีอีกกิจกรรมหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชุคุโบประจำศาลเจ้า ซึ่งหลายคนที่มาที่นี่อยากจะลองดูบ้างคือ ทาคิเกียว (การทำสมาธิใต้น้ำตก) เพื่อผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ คราวนี้เราเลยขอแนะนำวิธีใช้เวลาในโคมะโดริ ซันโซค่ะ
ชมวิวป่าและฟังเสียงธรรมชาติจากในห้องพัก
ห้องพักมีทั้งหมด 10 ห้อง พักได้ตั้งแต่ 1 ถึง 4 คน มีห้องหลายขนาดทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แต่ห้องที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นคือ "ยามะโดริ โนะ มะ" มีระเบียงขนาดกว้างใหญ่เป็นที่ถูกใจของผู้เข้าพักค่ะ
ภายในห้องพักทั้งหมดปูด้วยเสื่อทาทามิ บางห้องจะมีโทโกะโนะมะ โชจิ หรือฟุซุมะด้วย เป็นรูปแบบของห้องที่มีมาตั้งแต่ในอดีต
ทิวทัศน์เขียวร่มรื่นของภูเขามิทาเกะ ที่มองเห็นจากระเบียงของห้อง ยามะโดริ โนะ มะ
พอหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ตรงระเบียง ก็มีนกยามาบาโตะ (นกเขาพม่า) บินมาวนเวียนใกล้ๆ แถมยังได้ยินเสียงร้องของนกโฮโตโตกิซุ (นกคัคคูเล็ก) แว่วมาจากที่ไกลๆ ด้วย
พอได้ชมวิวป่าสีเขียวขจีท่ามกลางอากาศสดชื่น ฟังเสียงร้องของนกและแมลงต่างๆ ก็ทำให้รู้สึกจิตใจสงบขึ้นเลยค่ะ
ถึงบางห้องจะไม่มีระเบียงด้านนอก แต่ก็สามารถชมธรรมชาติจากหน้าต่างได้เหมือนกันค่ะ
ลิ้มรสความเป็นญี่ปุ่นด้วยอาหารเช้าและอาหารเย็น
สำหรับผู้ที่มาพัก จะเลือกไม่รับอาหารก็ได้ แต่ก็อยากแนะนำให้เลือกเป็นแบบมีอาหารเช้าและอาหารเย็นด้วย 2 มื้อจะดีกว่า ในวันที่ไปเก็บข้อมูล ครอบครัวของคุณบาบะทุกคนมาช่วยกันเตรียมอาหารเย็นให้ค่ะ
อาหารต่างๆ ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลในท้องถิ่น เช่น ปลาที่ตกในแถบโอคุทามะ บะหมี่โซเม็งพร้อมผักที่เก็บเกี่ยวได้ในช่วงฤดูร้อนอย่างมะเขือเทศและแตงกวา เท็มปุระกุ้ง ฟักทอง และรากบัว แล้วยังมีเมนูอื่นๆ ที่ใช้ผักเป็นวัตถุดิบ มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เมนูในแต่ละฤดูกาลจะไม่เหมือนกัน ในกรณีที่ลูกค้าเข้าพักหลายคืนติดต่อกัน ก็จะมีการปรับเปลี่ยนเมนูเล็กน้อยให้ สำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ ถ้าแจ้งล่วงหน้าก็สามารถเตรียมให้ได้เหมือนกัน มื้ออาหารจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 เยน และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มได้ในบางกรณีจึงควรตรวจสอบก่อนล่วงหน้าค่ะ
เมนูเครื่องดื่มมีเหล้าญี่ปุ่น เหล้าบ๊วย แล้วก็มีเบียร์ด้วย เทพเจ้าชินโตชอบดื่มสุรามาก ในอดีตแขกที่ไปนมัสการเสร็จแล้วก็จะกลับมาที่ชุคุโบ ดื่มสุราและทานอาหารกันอย่างคึกคัก
อาหารเช้าหลักๆ จะเป็นอาหารญี่ปุ่นตามมาตรฐานทั่วไป มีพวกซุปมิโซะและถั่วหมักนัตโต หลังจากทานอาหารจานหลักเสร็จแล้ว อย่าลืมทานโยเกิร์ตด้วยนะคะ ได้ยินมาว่าเป็นโยเกิร์ตที่ภรรยาของคุณบาบะทำเองมานานกว่า 18 ปีเลยทีเดียว
แช่น้ำตอนกลางคืนให้สบายตัว
ที่โคมะโดริ ซันโซมีอ่างแช่น้ำขนาดใหญ่ที่ทำจากต้นฮิโนกิกับต้นสนร่ม ไม้จากทั้งสองต้นนี้จะมีน้ำมันในเนื้อไม้ ทำให้ทนต่อน้ำและความชื้น โดยเฉพาะต้นสนร่มจะทนมากและไม่เน่าเปื่อยง่าย จึงนิยมนำมาใช้เป็นวัสดุในการทำอ่างคุณภาพสูง
ในช่วงหน้าร้อน หลังขึ้นจากน้ำแล้วก็มาเปิดหน้าต่างในห้องนอน ให้ลมเย็นๆ ช่วยพัดคลายร้อนกันค่ะ อากาศบนภูเขาจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าช่วงเนินเขา แต่อย่าลืมปิดมุ้งลวดนะคะ เดี๋ยวแมลงเข้ามาค่ะได้
คุณบาบะบอกว่าในคืนที่อากาศปลอดโปร่ง จะมองเห็นดาวและทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงามมากได้เลยค่ะ ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นกระรอกบิน ถ้าไปปรึกษากับคุณบาบะล่ะก็ เขาจะพาไปส่งถึงที่ที่มองเห็นกระรอกบินให้ด้วยล่ะค่ะ
ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการทำสมาธิใต้น้ำตกยามเช้า
ความโดดเด่นที่พิเศษสุดของโคมะโดริ ซันโซคือสามารถลองปฏิบัติทาคิเกียว วิธีฝึกตนอย่างหนึ่งของลัทธิชินโตได้ ทาคิเกียวคือการเข้าไปทำสมาธิในแอ่งน้ำใต้น้ำตก ในลัทธิชินโตถือเป็นหนึ่งในพิธีกรรมที่ต้องปฏิบัติสำหรับคนที่ต้องการเป็นนักบวชโดยต้องปฏิบัติทาคิเกียวเช้าเย็น คุณบาบะเองก็ปฏิบัติทาคิเกียวเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ตอนอายุ 17 เพื่อเข้าเป็นนักบวชมาแล้วค่ะ
ที่โคมะโดริ ซันโซเริ่มมีการจัดทาคิเกียวสำหรับลูกค้าทั่วไปมาตั้งแต่ปี 2000 เมื่อลองถามถึงแรงจูงใจ คุณบาบะก็ตอบว่า "เพราะมันทำให้ใจปลอดโปร่งและทำให้รู้สึกดีขึ้น" คุณบาบะเองก็ชอบทาคิเกียวอยู่แล้ว จึงคิดอยากให้คนอื่นๆ ได้ลองทำดูบ้าง
ถึงจะเป็นแค่การทดลองปฏิบัติ แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ นะคะ เพราะต้องออกจากชุคุโบตั้งแต่ตี 5 ครึ่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังน้ำตกอายะฮิโระ สถานที่ปฏิบัติทาคิเกียว โดยใช้เวลาเดินเท้า 30 นาที
ก่อนที่จะเข้าไปในน้ำ จะต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสีขาวสะอาดที่เรียกว่าชิโระโชโซคุ เปล่งเสียงชื่อของเทพเจ้า วอร์มอัพร่างกายด้วยการตะโกนเสียงดัง หลังจากนั้นถึงเข้าไปบริเวณที่เป็นแอ่งของน้ำตก
แม้จะเป็นวันที่อากาศร้อนในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิของน้ำตกที่นี่ก็อยู่ที่ราว 10 องศา ถ้าเข้าไปในน้ำตกทันทีโดยไม่วอร์มร่างกาย ความหนาวเย็นนั้นอาจทำให้ไม่สบายได้ ถ้าเข้าไปในน้ำแล้ว ก็ต้องพยายามปรับร่างกายให้ชินกับน้ำก่อน
ความเย็นและแรงของน้ำที่ตกกระทบร่างกาย ทำให้ผงะจนไม่มีเวลาจะไปคิดเรื่องอะไรได้เลย แต่นั่นก็อาจจะเป็นการช่วยให้เราจดจ่ออยู่กับ "ปัจจุบัน" ให้มากขึ้น
หลังจากปฏิบัติทาคิเกียวเสร็จแล้ว ทั้งกายและใจก็รู้สึกสดชื่นเบาเป็นปลิดทิ้งเหมือนที่คุณบาบะบอกจริงๆ ในบรรดาแขกที่เคยมาลองก็มีหลายคนที่กลับมาอีกแบบไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ
เมื่อกลับไปที่ชุคุโบ คุณบาบะจะจัดพิธีขับไล่ให้ หลังจากเป่าแตรหอยสังข์ก็จะเริ่มนมัสการเทพเจ้า ตีกลองใหญ่ และเริ่มสวดมนต์ บทสวดที่ที่ประสานกับเสียงกลองก้องกังวาน ฟังแล้วดูมีพลังและน่าเกรงขามมากค่ะ
หลังจากพิธีการเสร็จสิ้น เราจะได้รับเครื่องรางป้องกันภัยแบบเป็นสติกเกอร์ นำไปแปะที่กำแพงบ้านได้ค่ะ
ประสบการณ์ทาคิเกียวนั้น มาสัมผัสกันได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายน แต่ก็อาจจะมีบางวันที่ไม่ได้จัด จึงต้องสอบถามก่อนจอง อีกทั้งอาจมีการยกเลิกกลางคันหากในวันนั้นๆ มีสภาพอากาศไม่ดีอีกด้วย
ระหว่างทางต้องเดินขึ้นเขา จึงควรสวมเสื้อผ้าที่สะดวกต่อการเคลื่อนไหว และเตรียมรองเท้าแตะสำหรับเข้าไปในน้ำตกไว้ด้วยก็จะอุ่นใจกว่าค่ะ
ไปไหว้พระที่ศาลเจ้ามุซาชิมิทาเกะ นอกฤดูกาลทาคิเกียว
สำหรับคนที่ไปในวันหรือช่วงที่ไม่มีทาคิเกียว หรือคนที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะปฏิบัติทาคิเกียวได้ไหม ก็ลองไปเข้าร่วมนิกคุไซที่ศาลเจ้ามุซาชิมิทาเกะดูได้ค่ะ นิกคุไซคือพิธีกรรมสวดมนต์ในศาลเจ้า เพื่ออธิษฐานขอพรให้ชุมชนมีความเจริญรุ่งเรือง โดยจะเริ่มทุกเช้าตั้งแต่เวลา 7 โมงเป็นต้นไป
สำหรับงานนี้ จะต้องจองไม่เกินเวลา 20:00 ของวันก่อนหน้า และมีค่าใช้จ่ายต่างหากอยู่ที่ 500 เยน สำหรับคนที่สนใจให้สอบถามคุณบาบะได้เลยค่ะ
ศาลเจ้ามุซาชิมิทาเกะ เป็นศาลเจ้าที่มีเทพเจ้าหมาป่าสถิตอยู่ ซึ่งถือว่าแปลกและไม่ค่อยมีในญี่ปุ่น
ในนิฮงโชะคิ หนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีบันทึกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของตำนานเอาไว้ว่า ตอนที่วีรบุรุษยามาโตะทาเครุโนะมิโกโตะนำกองกำลังทหารมาเยือนที่นี่ ได้หมาป่าขาวช่วยชี้ทางให้
ภูเขามิทาเกะที่ได้รับการคุ้มครองโดยหมาป่า เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น ทำให้มีผู้ศรัทธามาเยือนเพื่อสัมผัสพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์นั้นมากมายทั้งจากในและต่างประเทศ นอกจากเวลานิกคุไซแล้ว ก็สามารถเข้ามาสักการะบูชาได้ จะมาหลังจากไปทาคิเกียวแล้วก็ได้ค่ะ
ท่องเที่ยวเยียวยาจิตใจในญี่ปุ่นที่ชุคุโบ
ท่ามกลางโตเกียว เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงของรถยนต์บนถนนใหญ่และจอมอนิเตอร์ยักษ์กลางเมือง ต้องคอยหลบหลีกผู้คนที่เดินขวักไขว่สวนไปมา ถึงแม้จะอยู่ในเขตโตเกียวเหมือนกัน แต่ภูเขามิทาเกะช่างต่างจากเมืองโตเกียวที่รู้จักจริงๆ
มาทำใจให้สดชื่นด้วยการปฏิบัติทาคิเกียว ออกกำลังเรียกเหงื่อด้วยการปีนเขา สัมผัสลมพัดเย็นสบายท่ามกลางธรรมชาติ ฟังเสียงร้องของนกและแมลงในฤดูกาลต่างๆ อ่านหนังสือพลางนอนอาบแดด อยากใช้เวลาแบบไหนก็มีให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ
ลืมวันธรรมดาที่ยุ่งเหยิงในชีวิตไปก่อน และลองก้าวเท้าไปรีเฟรชใจและกายที่โคมะโดริ ซันโซกันค่ะ
จองได้ที่เว็บไซต์ทางการของที่พัก หรือ เว็บไซต์ Booking.com ค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
In cooperation with Komadori-sanso
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง