Start planning your trip
ร้านข้าวปั้นเก่าแก่ที่ได้ลงมิชลินไกด์โตเกียว 2019! "โอนิกิริ อาซากุสะ ยาโดะโรคุ (Onigiri Asakusa Yadoroku)"
"โอนิกิริ อาซากุสะ ยาโดะโรคุ" ร้านข้าวปั้นที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวตั้งอยู่ด้านหลังวัดเซ็นโซจิ (Sensoji) ที่อาซากุสะนี่เอง ที่นี่เป็นร้านข้าวปั้นแห่งเดียวที่ได้ลง "มิชลินไกด์โตเกียว 2019" มาลิ้มรส "กลิ่นอายย้อนยุคของญี่ปุ่น" ผ่านข้าวปั้นจากสุดยอดฝีมือกัน
"โอนิกิริ อาซากุสะ ยาโดะโรคุ" ร้านข้าวปั้นที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว
ร้านเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคารในย่านร้านค้าหลังวัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) ในย่านอาซากุสะ แถวนี้เป็นบริเวณที่เรียกว่า "ชิตะมาจิ (Shitamachi)" หมายถึง ย่านเมืองเก่าของกรุงโตเกียว ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างดีไซน์ทันสมัยที่เรียงรายก็มีกันสาดสไตล์ญี่ปุ่นหรือฮิซาชิ (*1) กับผืนผ้าโนเร็นปรากฎขึ้นมาให้เห็น เห็นแล้วก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่าที่นี่มีอะไรกันแน่ใช่ไหมคะ
*1: ฮิซาชิ (Hisashi) ... หลังคาเล็กๆ ที่มีไว้เพื่อกันฝนหรือแสงแดด
ที่นี่คือร้าน "โอนิกิริ อาซากุสะ ยาโดะโรคุ (Onigiri Asakusa Yadoroku)" ซึ่งเป็นร้านโอนิกิริหรือข้าวปั้นที่มีประวัติความเป็นมายาวนานที่สุดในโตเกียว ทั้งยังได้รับเลือกให้อยู่ใน "Michelin Guide Tokyo 2019" แถมเป็นร้านที่ศิลปินสุดฮ็อตของญี่ปุ่นอย่างคุณมัตสึโมโตะ จุน สมาชิกวง "อาราชิ (ARASHI)" เคยมาเยือนด้วยนะคะ
ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 เป็นระยะเวลามากว่า 60 ปี มีการสืบทอดกิจการกันภายในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น ในปัจจุบันบริหารโดยรุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 ที่มาช่วยกันดูแลร้าน
"ยาโดะโรคุ" ชายที่เอาแต่เที่ยวเล่น
"ยาโดะโรคุ" เป็นคำแสลงภาษาญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ หมายถึง "ผู้ชายที่ไม่ทำงานทำการ เอาแต่เที่ยวเล่น" จุดกำเนิดของร้านเริ่มจากผู้ก่อตั้งร้านซึ่งเป็นผู้หญิงได้เปิดร้านข้าวปั้น "โอนิกิริ อาซากุสะ ยาโดะโรคุ" เพราะมีสามีที่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ แม้ว่าช่วงเริ่มแรกร้านจะเปิดขึ้นมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าถึงตอนนี้ร้านนี้ก็เปิดกิจการอย่างต่อเนื่องมายาวนานกว่า 60 ปีแล้ว
คุณมิอุระ โยสุเกะ (Miura Yosuke) ทายาทรุ่นที่ 3
ในภาพนี้คือคุณมิอุระ โยสุเกะ เจ้าของร้านรุ่นที่ 3 ค่ะ คุณโยสุเกะวัย 40 ปีเคยเป็นนักดนตรีฟลุตมืออาชีพมาก่อน ในปัจจุบันได้ผันตัวมาดูแลร้าน และมีอาชีพเสริมด้านดนตรีคู่ไปด้วย ในช่วงกลางวันคุณโยสุเกะจะเป็นคนดูแลร้าน ส่วนช่วงกลางคืนคุณแม่ของคุณโยสุเกะ ทายาทรุ่นที่ 2 จะมาดูแลร้านต่อค่ะ
พอเราถามว่าลูกค้าชอบข้าวปั้นที่ใครทำมากกว่ากัน คุณโยสุเกะก็หัวเราะพลางตอบกับเราว่ามีแบ่งเป็น 2 กลุ่มเลย
ความอร่อยของการทำด้วยมือซึ่งสั่งได้ที่เคาน์เตอร์
จริงๆ แล้วเหตุผลที่คุณโยสุเกะตอบว่ามีลูกค้าแบ่งเป็น 2 กลุ่มก็เพราะว่าข้าวปั้นเป็นสิ่งที่ทำขึ้นมาด้วยมือคน จึงทำให้รูปร่าง รสสัมผัส หรืออุณหภูมิแตกต่างไปตามมือของคนทำ
ที่ร้าน "โอนิกิริ อาซากุสะ ยาโดะโรคุ" มีเคาน์เตอร์ซึ่งมีตู้กระจกเหมือนกับร้านซูชิ ลูกค้าสามารถมองเห็นวัตถุดิบที่ใช้และดูฝีมือการปั้นได้อย่างใกล้ชิดเลยค่ะ
พอเราสั่งอาหารเสร็จ พ่อครัวก็จะปั้นให้ทันที และเสิร์ฟให้ตรงหน้าเราเลย จึงจะได้ลิ้มรสข้าวปั้นในสภาพอุ่นๆ และสดใหม่ที่สุดเลยล่ะค่ะ
รสชาติที่สืบทอดมากว่า 60 ปี
เมนูของที่นี่สืบทอดกันมากว่า 60 ปี แม้แต่ตัวเคาน์เตอร์เองก็เป็นของเดิมที่ใช้ต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยเปิดร้าน
เมนูของที่ร้านมีรูปภาพและภาษาอังกฤษด้วย ลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็เข้าใจได้ง่าย และสามารถเลือกวัตถุดิบที่ตัวเองชอบได้ ผู้จัดการร้านบอกกับเราอย่างภาคภูมิใจอีกว่าเป็นคนทำเมนูและเว็บไซต์ของร้านเองทั้งหมดเลย
เซ็ทข้าวปั้นแสนเรียบง่ายแต่อร่อยลุ่มลึก
นอกจากข้าวปั้นแบบชิ้นแล้วในช่วงกลางวันยังมีเมนูแบบเซ็ทด้วย เช่น ข้าวปั้น 2 ชิ้นหรือ 3 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมกับซุปมิโซะและน้ำชา รวมถึงผักดองทะคุอัน (*2) ไส้ของข้าวปั้นเราสามารถเลือกเองได้ค่ะ
เซ็ทข้าวปั้น (2 ชิ้น) : ราคารวมภาษี เริ่มที่ 690 เยน
เซ็ทข้าวปั้น (3 ชิ้น) : ราคารวมภาษี เริ่มที่ 930 เยน
*2: ทะคุอัน (Takuan) ... ผักดองที่ได้จากการนำหัวไชเท้าไปหมักกับเกลือหรือรำข้าว
คนที่มาทานครั้งแรกต้องลองสั่ง "อามิ"
ข้าวปั้นของที่นี่มีไส้ให้เลือกกว่า 20 ชนิด แต่ไส้ที่เจ้าของร้านอยากแนะนำให้คนที่เพิ่งมาครั้งแรกได้ลองทานก็คือ "อามิ (Ami)" เป็นกุ้งตัวเล็กหมักกับเกลือและโชยุกลมกล่อมเข้ากันได้ดีกับข้าวรสหวานนิดๆ ที่ผลิตจากจังหวัดนีงาตะ และสาหร่ายทะเลไม่มีเกลือผสมที่ผลิตจากจังหวัดชิบะ
พอกัดเข้าไปคำหนึ่งก็จะเจอกับสาหร่ายกรอบๆ ที่ห่อข้าวเหนียวนุ่มเอาไว้ สามารถสัมผัสได้ถึงรสหวานของข้าวในตอนแรก และตามมาด้วยรสสัมผัสและรสชาติของกุ้งตัวเล็กที่เค็มนิดๆ
ข้าวปั้นอามิ (Ami Onigiri) : ราคารวมภาษี 280 เยน/ชิ้น
เมนูแนะนำ "สาหร่ายคอมบุ"
วัตถุดิบที่ผู้เขียนอยากแนะนำคือ "สาหร่ายคอมบุ" ในข้าวปั้นมีสาหร่ายคอมบุแผ่นหนาๆ อยู่หลายชิ้น เนื้อสัมผัสนุ่ม และมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
ข้าวปั้นสาหร่ายคอมบุ (Kombu Onigiri) : ราคารวมภาษี 280 เยน/ชิ้น
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับข้าวปั้น
ข้าวปั้นของร้าน "โอนิกิริ อาซากุสะ ยาโดะโรคุ" จะพับสาหร่ายเพียงด้านเดียวเท่านั้นให้อีกด้านตั้งขึ้น ทราบไหมคะว่าเพราะอะไร
คุณโยสุเกะบอกกับเราว่า "เพราะแบบนี้มันดูเท่ดี!" นั่นเองค่ะ
คุณโยสุเกะเล่าต่อว่า "ความเป็นมาของข้าวปั้นนั้นต้องย้อนกลับไปในสมัยยาโยอิของญี่ปุ่น (800-900 ปีก่อนคริสตกาล) ถือว่าเป็นอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้" และรูปร่างของข้าวปั้นก็ทำได้อย่างอิสระ ไม่ได้มีกฎระเบียบตายตัว จึงสามารถดัดแปลงหลายๆ อย่างเพื่อเสิร์ฟให้กับลูกค้า
ถ้าพูดถึงไส้ของข้าวปั้นญี่ปุ่นแล้วบ๊วยดอง (อุเมะโบชิ) จะเป็นไส้ทั่วไปที่ทุกคนนึกถึง แต่คุณโยสุเกะบอกว่าไม่ค่อยอยากแนะนำให้คนต่างชาติเท่าไร เพราะบ๊วยดองมีรสเปรี้ยวมาก ถ้าไม่ใช่คนญี่ปุ่นก็อาจจะรู้สึกว่ามันเปรี้ยวเกินไป ไม่ค่อยถูกปากสำหรับใครหลายๆ คน
"จริงๆ แล้วอุเมะโบชิก็ไม่ได้เป็นรสปกติของข้าวปั้นหรอกนะ! แต่ในหนังสือการ์ตูนมักจะมีไส้ข้าวปั้นที่เป็นบ๊วยดองให้เราเห็นบ่อยๆ เพราะว่าบ๊วยดองวาดง่ายแค่นั้นเองครับ!" คุณโยสุเกะเล่าถึงข้าวปั้นไส้บ๊วยดองอย่างสนุกสนาน ผู้เขียนถึงกับหัวเราะออกมาหลังจากได้ฟังประโยคนี้เลยล่ะค่ะ
สัมผัสกับมิตรภาพแสนอบอุ่นได้ที่นี่
ไม่เพียงแค่ข้าวปั้นอร่อยๆ เท่านั้น แต่เสน่ห์ของร้าน "โอนิกิริ อาซากุสะ ยาโดะโรคุ" ที่ดึงดูดผู้คนก็คือการปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน พื้นที่ภายในร้านมีขนาดกะทัดรัด และจำนวนที่นั่งที่ไม่มาก ทำให้พ่อครัวสามารถดูแลใส่ใจลูกค้าทั้งหมดได้อย่างทั่วถึง และยังสื่อสารกับลูกค้าได้อีกด้วย
ร้านนี้คือสถานที่ที่คุณโยสุเกะผูกพันมาตลอดตั้งแต่สมัยเด็กๆ เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกมากมาย เขาคิดเสมอว่า "เมื่อทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำเสร็จแล้ว จะต้องหวนกลับมาที่นี่และมายืนปั้นข้าวปั้นต่อไปอย่างแน่นอน" แม้ว่าคุณโยสุเกะจะดูแลร้านไปพร้อมๆ กับการเล่นดนตรี จนดูเหมือนว่าเขารักอิสระ ไม่ถูกสิ่งใดผูกมัด แต่ก็คิดเสมอว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของร้านนี้ และเขายังจะไปเยือนถิ่นต่างๆ ทั่วโลกเพื่อเผยแผ่วัฒนธรรมข้าวปั้นอยู่อีกด้วย แม้ว่าเขาจะบอกกับเราพร้อมรอยยิ้มว่าตัวเองเป็น "ยาโดะโรคุ" รุ่นที่ 3 แต่จริงๆ แล้วเขาก็คือนักดนตรีและผู้ปั้นข้าวปั้นที่แสนจริงจังเลยก็ว่าได้ค่ะ
สัมผัสกับบรรยากาศอบอุ่นและข้าวปั้นแสนอร่อย
ข้าวปั้นเป็นเมนูที่หาทานได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่ถ้ามีโอกาสมาเยือนร้านนี้ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของแหล่งท่องเที่ยวที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนอย่างอาซากุสะ เราก็จะได้ดื่มชา เพลิดเพลินกับบทสนทนาสนุกๆ กับพนักงาน พร้อมกับลิ้มรสข้าวปั้นแสนอร่อยด้วยค่ะ
ไม่ควรพลาดกับข้าวปั้นแสนอร่อยที่กัดเข้าไปเพียงหนึ่งคำแล้วรสชาติความอร่อยกลมกล่อมของวัตถุดิบจะกระจายไปทั่วทั้งปาก แถมยังมีเจ้าของร้านอย่างคุณโยสุเกะที่คุยสนุก สามารถสื่อสารกับลูกค้าทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และภาษาท่าทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน
เชิญมาสัมผัสข้าวปั้นแสนอร่อยท่ามกลาง "กลิ่นอายย้อนยุค" สไตล์ญี่ปุ่นด้วยตัวคุณเองนะคะ!
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
In cooperation with Onigiri Asakusa Yadoroku
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง