Start planning your trip
ซากุระ 44 จุดชมซากุระบานทั่วญี่ปุ่น ปี 2024
ถ้าทุกคนได้มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิ อย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการชมดอกซากุระบาน บทความนี้จะมาแนะนำสถานที่ชมซากุระถึง 44 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะไปภูมิภาคไหนก็จะไม่พลาดชมซากุระบานแน่นอน
ซากุระ ตัวแทนแห่งฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น
ฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุดเลยก็คือ ฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่อากาศเย็นสบายกำลังดี แล้วก็ยังมี ซากุระ ที่ผลิดอกบานอยู่ทั่วญี่ปุ่น
ซากุระ เป็นไม้ผลัดใบวงศ์กุหลาบที่แพร่หลายตามพื้นที่เขตอบอุ่นฝั่งซีกโลกเหนือ เช่น เอเชียตะวันออก ยุโรป และอเมริกาเหนือ เป็นต้น โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่ดอกสีชมพูหรือสีขาวที่จะบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลินี่แหละ ส่วนใหญ่แล้วมักจะปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อความสวยงามเป็นหลัก
ซากุระเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิมาตั้งแต่สมัยเฮอัน มีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้งมาตั้งแต่อดีต นอกจากนี้ช่วงที่ซากุระบานมักอยู่ราวๆ เดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้น เช่น จบการศึกษา เข้าโรงเรียนใหม่ และเข้าทำงานในบริษัทไปโดยปริยาย เราจึงสามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่าซากุระนี้เป็นดอกไม้สุดพิเศษสำหรับคนญี่ปุ่นจริงๆ ค่ะ
ปัจจุบันในญี่ปุ่นมีการรับรองซากุระมากกว่า 600 สายพันธุ์ และสายพันธุ์ที่นิยมปลูกมากเป็นอันดับ 1 คือ โซเมอิโยชิโนะ (Somei-Yoshino) ที่แพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเมจิ การตระเวนชมซากุระในพื้นที่ต่างๆ ทั่วญี่ปุ่นเพื่อค้นหาความแตกต่างของแต่ละสายพันธุ์น่าจะสนุกไม่เบาเลยนะเนี่ย
สารบัญ
1. พยากรณ์ซากุระบาน 2024
2. 6 ที่ชมซากุระแนะนำใน โตเกียว
3. 5 ที่ชมซากุระแนะนำใน ภูมิภาคคันโต
4. 4 ที่ชมซากุระแนะนำใน เกียวโต
5. 4 ที่ชมซากุระแนะนำใน ภูมิภาคคันไซ
6. 5 ที่ชมซากุระแนะนำใน ภูมิภาคชูโกะคุและชิโกะคุ
7. 6 ที่ชมซากุระแนะนำใน ภูมิภาคโทโฮคุ
8. 5 ที่ชมซากุระแนะนำใน ภูมิภาคคิวชู
9. 4 ที่ชมซากุระแนะนำใน ฮอกไกโด
10. 5 ที่ชมซากุระแนะนำใน ภูมิภาคชูบุและโฮคุริคุ
ของแถม - ฮานามิ คืออะไร?
คาดการณ์การบานของดอกซากุระในปี 2024
ข้อมูลจาก : Weathernews (2024/01/11)
ซากุระที่ดีที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ แต่เวลาของการบานจะแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละพื้นที่ของญี่ปุ่น ฉันจะระบุวันที่ซากุระเริ่มบานและวันที่ซากุระบานเต็มที่ตามปกติในเมืองหลัก ๆ ของญี่ปุ่น โปรดใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง
ภาพด้านบนเป็นการคาดกาณ์การบานของดอกไม้ในปี 2024 วันที่จะแตกต่างกันไปในแต่ละปี ดัวนั้นควรตรวจสอบสถานะการบานจริงก่อนการเดินทาง
สถานที่ | วันเริ่มบาน | วันบานเต็มที่ |
ซัปโปโร | 1 พ.ค. | 6 พ.ค. |
อาโอโมริ | 22 เม.ย. | 26 เม.ย. |
เซ็นได | 8 เม.ย. | 13 เม.ย. |
โตเกียว | 24 มี.ค. | 31 มี.ค. |
นีงาตะ | 8 เม.ย. | 13 เม.ย. |
คานาซาวะ | 3 เม.ย. | 8 เม.ย. |
นาโกย่า | 24 มี.ค. | 2 เม.ย. |
ชิสึโอกะ | 24 มี.ค. | 2 เม.ย. |
โอซาก้า | 27 มี.ค. | 4 เม.ย. |
เกียวโต | 26 มี.ค. | 4 เม.ย. |
นาระ | 28 มี.ค. | 4 เม.ย. |
ฮิโรชิม่า | 25 มี.ค. | 3 เม.ย. |
มะสึยาม่า | 24 มี.ค. | 3 เม.ย. |
ฟุกุโอกะ | 22 มี.ค. | 31 เม.ย. |
นากาซากิ | 23 มี.ค. | 2 เม.ย. |
คาโกชิมะ | 23 มี.ค. | 5 เม.ย. |
โอกินาว่า | 16 ม.ค. | 4 ก.พ. |
แหล่งอ้างอิงข้อมูล:
http://www.data.jma.go.jp/sakura/data/sakura_kaika.html
http://www.data.jma.go.jp/sakura/data/sakura_mankai.html
พยากรณ์ดอกซากุระบานปี 2024 บานเมื่อไหร่ และชมซากุระที่ไหนสวย
สถานที่ชมซากุระแนะนำทั่วญี่ปุ่น
ในญี่ปุ่นเต็มไปด้วยแหล่งชมซากุระมากมายทั่วประเทศ ในครั้งนี้เราได้รวบรวมแหล่งชมซากุระโดยแบ่งเป็น 9 พื้นที่ทั่วญี่ปุ่นมาให้แล้วค่ะ
6 สถานที่ชมซากุระแนะนำในโตเกียว
1. แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River)
Picture courtesy of Pixta
แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) หนึ่งในสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดของโตเกียว จากสถานีชิบูย่านั่งรถไฟสาย Tokyu Toyoko เพียง 2 สถานี มาลงที่สถานี Naka-Meguro ก็ถึงทันที
แม่น้ำเมกุโระมีความยาว 8 กิโลเมตร ไหลผ่านเขต Setagaya เขต Meguro และเขต Shinagawa เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ ริมสองฝั่งแม่น้ำรวมระยะทาง 4 กิโลเมตรจะประดับประดาไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระบานสะพรั่งร่วม 800 ต้น
จุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือบริเวณรอบสถานีรถไฟ Naka-Meguro เพราะแถวนี้จะมีร้านค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อของ ร้านอาหารและร้านกาแฟให้นั่งทานนั่งดื่ม เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่ทันสมัยน่าอยู่ ถึงขนาดได้รับเลือกให้เป็นเมืองที่คนอยากมาอาศัยอยู่มากเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว
ในฤดูใบไม้ผลิสามารถมาชมซากุระ ทางอาหาร ซื้อของ และชมซากุระกลางคืนที่ได้รับการประดับไฟอย่างสวยงาม เรียกได้ว่าสามารถมาเดินเล่นได้ทั้งวันเลยจริงๆ
ถ้าได้ไปที่แม่น้ำเมกุโระแล้ว ห้ามพลาดแวะไปชิมขนมอร่อยๆ ลองดูร้านแนะนำบางส่วนได้ที่นี่ "เส้นทางตระเวนชิมของหวานตลอด 1 ชั่วโมง ริมแม่น้ำเมกุโระในฤดูซากุระ"
วิธีเดินทางโดยละเอียดดูได้จากบทความ "แนะนำ 5 สถานที่ชมซากุระสวยๆ กลางโตเกียวแบบคนไม่แน่น!"
2. สวนอุเอโนะ (Ueno Park)
Picture courtesy of Pixta
สถานีรถไฟอุเอโนะ เป็นสถานีต้นทางและสถานีจอดของรถไฟหลากหลายสาย เช่น ชินคันเซ็น JR และรถไฟใต้ดิน ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟนั้นคือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า "อุเอโนะองชิโคเอ็น" หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ สวนอุเอโนะ (Ueno Park) นั่นเอง
สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในฐานะที่เป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อมาตั้งแต่สมัยเอโดะ จนถึงปัจจุบันนี้ บรรยากาศที่ผู้คนมากมายปูเสื่อชมซากุระก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ประจำฤดูใบไม้ผลิของสวนอุเอโนะอยู่เหมือนเดิม
ในตอนกลางคืน เราสามารถเพลิดเพลินกับการชมซากุระกลางคืนที่ได้รับการประดับไฟอย่างสวยงาม ภายในสวนมีการจัดตั้งห้องน้ำสาธารณะเอาไว้ เพราะฉะนั้นจะมาเดินเล่นนั่งเล่นทั้งวันก็หายห่วง แถมยังเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และคาเฟ่อีกด้วย มาที่เดียวเที่ยวได้เยอะขนาดนี้บอกเลยว่าพลาดไม่ได้!
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสวนสาธารณะอุเอโนะได้ที่ "ไกด์นำเที่ยวสวนอุเอโนะแบบจัดเต็ม! สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ วัด และไฮไลท์ต่างๆภายในสวน"
ที่อยู่ : 5-20 Ueno Park, Taito, Tokyo Google Maps
การเดินทาง :
- นั่งรถไฟสาย JR Line หรือรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Ginza หรือ Hibiya ลงที่สถานี Ueno เดิน 2 นาที
- นั่งรถไฟสาย Keisei Line ลงที่สถานี Keisei-Ueno เดิน 1 นาที
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toei Oedo Line ลงที่สถานี Ueno-okachimachi เดิน 5 นาที
เว็บไซต์ : http://www.kensetsu.metro.tokyo.jp/jimusho/toubuk/ueno/en_index.html (ภาษาอังกฤษ)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
3. ชินจูกุเซ็นทรัลพาร์ค (Shinjuku Central Park)
Photo by Pixta
สวนสาธารณะชินจูกุเซ็นทรัลปาร์คซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชินจูกุเป็นจุดชมวิวที่คุณสามารถถ่ายรูปดอกซากุระไปพร้อมกับอาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียวได้ ใช้เวลาเดินเพียง 10 นาทีจากสถานี JR ชินจูกุ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการแวะมาในขณะที่คุณกำลังทำธุระในชินจูกุ
นอกจากต้นซากุระโยชิโนะทั่วไปแล้ว ยังมีต้นซากุระพันธุ์หายากที่เรียกว่าต้นซากุระทากาโตะ โคฮิงัน ซึ่งเป็นของขวัญจากเมืองพี่สาวของเรา เมืองอินะ จังหวัดนากาโนะ ดอกซากุระยังจะมีการประดับไฟในช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคมอีกด้วย
4. แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) และ สวนสาธารณะสุมิดะ (Sumida Park)
Picture courtesy of JAPAN PHOTO LIBRARY ©Yasufumi Nishi/©JNTO
ย่านการค้าแบบดั้งเดิมชื่อดังในหมู่นักท่องเที่ยวอย่างอาซากุสะ ก็มีจุดชมซากุระขึ้นชื่ออยู่และเดินไม่ไกลจากสถานีอาซากุสะนั่นคือ แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) และสวนสาธารณะสุมิดะ (Sumida Park)
เราสามารถเพลิดเพลินกับการชมซากุระที่บานอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำสุมิดะได้หลากหลายวิธีทั้งเดินชม หรือนั่งเรือยากาตะบูเนะชมซากุระล่องไปตามแม่น้ำ แถมยังอยู่ใกล้โตเกียวสกายทรีด้วย จึงสามารถมองเห็นโตเกียวสกายทรีเป็นฉากหลังได้อย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
หากมาชมซากุระที่ริมแม่น้ำสุมิดะเสร็จแล้ว ก็แวะไปเดินเล่นแถวอาซากุสะกันได้ อ่านบทความแนะนำได้ที่ "ไกด์นำเที่ยวอาซากุสะแบบจัดเต็ม! 47 แหล่งท่องเที่ยว & ช้อปปิ้งขึ้นชื่อ
ที่อยู่ : 1-2-5 Mukojima, Sumida, Tokyo Google Maps
การเดินทาง : จากสถานีอาซากุสะ (Asakusa) ของรถไฟสายต่างๆ เดินประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : Sumida Tourism Association http://visit-sumida.jp/spot/6133 (ภาษาญี่ปุ่น)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
5. สวนโมริ (Mori Park)
Picture courtesy of Pixta
สวนโมริ (Mori Park) ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้ารปปงหงิฮิลส์ (Roppogi Hills) สวนแห่งนี้เป็นสวนญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่จนไม่น่าเชื่อเลยว่าจะตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้า
ถึงจะอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ แต่แค่ก้าวเท้าเข้ามาในสวนแห่งนี้ รับรองว่าจะรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของผู้คนที่เดินทางมาช้อปปิ้งและทานอาหาร เนื่องจากเราสามารถชมทัศนียภาพของทั้ง 4 ฤดูกาลได้ทั้งซากุระในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง บอกเลยว่าห้ามพลาด!
ที่อยู่ : 6-10-1 Roppongi, Minato, Tokyo Google Maps
การเดินทาง :
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Hibiya ทางออก 1C เป็นทางเดินเชื่อมใต้ดิน
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toei Oedo ทางออกหมายเลข 3 เดินอีก 5 นาที
เว็บไซต์ : http://www.roppongihills.com/en/green/ (ภาษาอังกฤษ)
6. ซากุระซากะ (Sakurazaka)
Picture courtesy of Pixta
ถนนซากุระซากะ (Sakurazaka) ตั้งอยู่ในเด็นเอ็นโจฟุซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยสุดหรู เป็นแหล่งชมซากุระที่สามารถชมอุโมงค์ซากุระอันแสนงดงามได้ ถนนสายนี้โด่งดังขึ้นมาในฐานะที่เป็นสถานที่ต้นแบบของเพลง "ซากุระซากะ" เพลงชื่อดังของนักร้องชาวญี่ปุ่น Fukuyama Masaharu ทำให้มีผู้คนมากมายเดินทางมาท่องเที่ยวกันตลอดทั้งปี
เพื่อให้เข้ากับเพลงรักอย่างซากุระซากะ การได้มายืนถ่ายรูปกันบนสะพานซากุระบาชิเหนือถนนแห่งนี้จึงเป็นหนึ่งในโปรแกรมเดทยอดนิยมของคนญี่ปุ่น แต่ที่สำคัญคือแถวนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัย จึงควรรักษามารยาทไม่ส่งเสียงดังกันนะจ๊ะ
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Tokyu Tamagawa ลงที่สถานี Numabe เดิน 5 นาที
ที่อยู่ : 18-19 Denenchofuhoncho, Ota, Tokyo Google Maps
การเดินทาง : จากสถานีนุมาเบะ (Numabe) รถไฟโทคิว (Tokyu) สายทามากาวะ (Tamagawa Line) เดิน 5 นาที
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งชมซากุระในโตเกียวสามารถเข้าไปดูเพิ่มได้ที่ "ชีวิตดี๊ดี... กับ 5 จุดชมซากุระในโตเกียว ที่ได้ทั้งชมดอกไม้ ทั้งช้อปปิ้ง!"
5 สถานที่ชมซากุระแนะนำในภูมิภาคคันโต
1. สวนซังเคเอ็น (Sankeien Garden) เมืองโยโกฮาม่า
Picture courtesy of Pixta
สวนซังเคเอ็น (Sankeien Garden) ตั้งอยู่ในเมืองโยโกฮาม่า จังหวัดคานากาวะ เป็นสวนญี่ปุ่นที่มีพื้นที่อันแสนกว้างใหญ่ ในสมัยก่อนเคยเป็นสถานที่สนับสนุนและฝึกอบรมศิลปินช่างฝีมือ โดยในปี 2016 นี้เป็นปีครบรอบเปิดสวนครบ 110 ปีเข้าไปแล้ว
ซากุระกว่า 300 ต้นที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์เข้ากับทัศนียภาพของสวนญี่ปุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าที่ย้ายมาสร้างใหม่จากเกียวโตและคามาคุระก็เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้เช่นกัน
2. คาวาซุ (Kawazu) เมืองอิซุ
Picture courtesy of Pixta
อิซุ (Izu) เป็นแหล่งออนเซ็นชั้นนำของญี่ปุ่นในจังหวัดชิซุโอกะ และที่สถานี คาวาซุ (Kawazu) ก็เป็นแหล่งชมซากุระที่มีการจัด งานเทศกาลคาวาซุซากุระ (Kawazu Sakura Festival) ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมเป็นประจำทุกปี
ระหว่างการจัดงานเทศกาลคาวาซุซากุระ เราสามารถดื่มด่ำกับซากุระพลางเพลิดเพลินกับ ออนเซ็นเท้า และการไลท์อัพซากุระยามค่ำคืนได้ด้วย ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ ดื่มด่ำกับวิวซากุระที่มีบรรยากาศแตกต่างกันระหว่างตอนกลางวันและตอนกลางคืนกันดูนะคะ
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Izu Kyuko ลงที่สถานี Kawazu ถึงทันที
ที่อยู่ : Kawazu, Kamo, Shizuoka Google Maps
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว นั่งชินคันเซ็นไปลงสถานีอาตามิ (Atami) เปลี่ยนเป็นรถไฟสายอิซุคิวโค (Izu Kyuko) ลงที่สถานีคาวาซุ (Kawazu) รวมเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที - 2 ชั่วโมง 25 นาที ราคาตั้งแต่ 5,370 เยนขึ้นไป แล้วแต่ขบวนที่นั่ง
เว็บไซต์ : http://www.kawazuzakura.net/ (ภาษาญี่ปุ่น)
3. ศาลเจ้าสึรุกาโอกะ ฮาจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu) เมืองคามาคุระ
Picture courtesy of Pixta
คามาคุระ เมืองหลวงเก่าญี่ปุ่นอันเจริญรุ่งเรืองแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดคานากาวะที่ยังคงหลงเหลือวัด-ศาลเจ้าเก่าแก่และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ หนึ่งในนั้นคือ ศาลเจ้าสึรุกาโอกะฮาจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu) นั่นเอง เราสามารถชมซากุระที่กลมกลืนไปกับสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและธรรมชาติได้ที่นี่เลย
การเดินเล่นชมซากุระที่บานสะพรั่งตลอดสองข้างทางบนถนนดังคาซุระ (Dankazura) ที่เชื่อมระหว่างสถานีคามาคุระและศาลเจ้าสึรุกาโอกะฮาจิมังกูนับเป็นหนึ่งในความสนุกของการเที่ยวคามาคุระเลยล่ะค่ะ เนื่องจากแถวนี้มีร้านจำหน่ายของฝากและร้านอาหารเพียบ จึงเหมาะสำหรับการแวะมาเดินเล่นระหว่างชมซากุระอย่างมาก
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าสึรุกะโอกะฮาจิมังกูได้ที่ "ศาลเจ้าสึรุกะโอกะฮาจิมังกู คามาคุระจุดศูนย์กลางที่สำคัญของญี่ปุ่นในอดีตและความเกี่ยวข้องกับนกพิราบที่น่าค้นหา"
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
4. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchi) จังหวัดยามานาชิ
Picture courtesy of Pixta
ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchi) จังหวัดยามานาชิเป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่ตรงเชิงภูเขาฟูจิ เป็นสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติทั้ง 4 ฤดูกาลรอบภูเขาฟูจิ โดยใช้เวลาเดินทางมาจากโตเกียวเพียงประมาณ 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่จะกลายเป็นแหล่งชมซากุระยอดนิยมเลยทีเดียว
นอกจากนี้ สวนนางาซากิ (Nagasaki Park) ที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบคาวากุจิก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สามารถชมซากุระได้โดยมีภูเขาฟูจิเป็นฉากหลัง เนื่องจากพื้นที่บริเวณภูเขาฟูจิมีความสูงจากระดับน้ำทะเลค่อนข้างมาก ซากุระในบริเวณนี้จึงเริ่มบานในช่วงปลายเดือนเมษายนซึ่งช้ากว่าโตเกียวเล็กน้อย จึงขอแนะนำสำหรับใครที่พลาดชมซากุระในโตเกียวเลยค่ะ
ที่อยู่ : Fujikawaguchiko, Minamitsuru, Yamanashi Google Maps
การเดินทาง :นั่งรถไฟสาย Fujikyuko ลงที่สถานี Kawaguchiko
หากต้องการไปสวนนางาซากิต่อ ให้นั่งรถบัสหน้าสถานีสายที่วิ่งไปทาง Oishi หรือรถบัสสายนำเที่ยวรอบทะเลสาบ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที 400 เยน ลงที่ป้าย Sunnide-mae Nagasaki Koen Iriguchi เดิน 3 นาที
เว็บไซต์ : http://www.fujisan.ne.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
5. เจดีย์ ชูเรโต (Chureito Pagoda) ภูเขาฟูจิ
Picture courtesy of Pixta
สวนอาราคุระยามะเซ็นเก็น (Arakurayamasengen Park) ตั้งอยู่ในเมืองฟูจิโยชิดะใกล้กับภูเขาฟูจิ เป็นสวนสาธารณะที่โด่งดังในฐานะที่เป็นแหล่งชมซากุระกว่า 650 ต้น โดยเราสามารถเพลิดเพลินทัศนียภาพของเจดีย์จูเรโต 5 ชั้นและภูเขาฟูจิซึ่งเป็นทัศนียภาพขึ้นชื่อของญี่ปุ่นได้ด้วย ที่นี่จึงได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
บริเวณจุดชมวิวของสวน สามารถชมทัศนียภาพของทั้งซากุระ ภูเขาฟูจิและเจดีย์ชูเรโตได้พร้อมกัน ถือเป็นจุดถ่ายรูปชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว และก็ยังมีทางเดินที่รายล้อมไปด้วยอุโมงค์ซากุระด้วย
สถานที่ชมซากุระอื่นๆ ในภูมิภาคคันโตสามารถดูได้ที่ "นั่งฟินแช่ออนเซ็นเท้าพร้อมชมวิวซากุระที่ 4 สถานที่ชมซากุระในคันโต"
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
4 สถานที่ชมซากุระแนะนำในเกียวโต
1. สวนมารุยามะ (Maruyama Park)
Picture courtesy of Pixta
สวนมารุยามะ (Maruyama Park) ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต เป็นสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเกียวโตที่สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพได้ทั้ง 4 ฤดูกาล
ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อในเกียวโต โดยเฉพาะซากุระพันธุ์ชิดาเระซากุระ ซึ่งเป็นพันธุ์กิ่งย้อย ที่ถูกประดับไฟตอนกลางคืนนั้นดึงดูดผู้คนมากมายให้มาเที่ยวในฐานะที่เป็น "ซากุระยามค่ำคืนแห่งกิอง" เลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชมซากุระที่สวนมารุยามะได้ที่ "จุดชมซากุระขึ้นชื่อในเกียวโต เดินชมซากุระบานจากย่านกิอง ถึงสวนสาธารณะมารุยามะ"
ที่อยู่ : 463 Maruyama, Higashiyama, Kyoto Google Maps
การเดินทาง :
- จากสถานีกิองชิโจ (Gion-Shijo) รถไฟสายเคฮัน (Keihan Line) เดินประมาณ 10 นาที
- จากสถานีฮิกาชิยามะ รถไฟสายโทไซ (Tozai) เดินประมาณ 5 นาที
- จากหน้าสถานี JR Kyoto ทางออกกลาง (Central Exit) ขึ้นรถบัสสาย 100, 110 หรือ 206 (คันที่ผ่าน Gion, Kiyomizu-dera Temple) ราคา 230 เยน ลงที่ป้าย Gion เดินต่อประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : Kyoto City http://www.city.kyoto.lg.jp/kensetu/page/0000083282.html (ภาษาญี่ปุ่น)
2. วัดไดโกะจิ (Daigoji)
Picture courtesy of Pixta
วัดไดโกะจิ (Daigoji) ภายในพื้นที่อันกว้างใหญ่ของวัดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งนี้เป็นที่เก็บรักษาผลงานศิลปะ เช่น ภาพวาดและสถาปัตยกรรมที่ได้รับเลือกให้เป็นสมบัติของชาติเอาไว้มากมาย ทำให้มีผู้คนแวะเวียนมาเที่ยวกันตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในฐานะที่เป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อมาตั้งแต่ในอดีต ลองแวะมาดื่มด่ำกับความงามของเหล่าสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นและซากุระกันดูนะคะ
ที่อยู่ : 22 ไดโกะฮิกาชิโอจิโช เขตฟุชิมิ เกียวโต Google Maps
การเดินทาง :
- จากสถานีไดโกะ (Daigo) นั่งรถไฟสายโทไซ (Tozai) ทางออกหมายเลข 2 เดินประมาณ 15 นาที
- จากสถานีรถไฟเกียวโต ทางออกฮาจิโจ (Hachijo Exit) รอรถที่ป้ายหมายเลข H4 ขึ้นรถบัสของ Keihan Bus ใช้เวลา 30 นาที ราคาผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน ลงที่ป้าย Daigoji
เวลาทำการ : 9:00 - 17:00
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน, นักเรียนมัธยม 600 เยน, นักเรียนประถมลงไปฟรี
เว็บไซต์ : https://www.daigoji.or.jp/
3. ภูเขาอาราชิยามะ (Arashiyama)
ภูเขาอาราชิยามะ (Arashiyama) เป็นแหล่งชมทัศนียภาพอันงดงามขึ้นชื่อตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกียวโต ตัวเมืองเรียงรายไปด้วยอาคารบ้านเรือนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม วัด และศาลเจ้า
บริเวณสะพานโทเกสึ (Togetsu Bridge) ที่ทอดข้ามแม่น้ำคะซึระ (Katsura River) ก็เต็มไปด้วยซากุระหลากพันธุ์กว่า 1,500 ต้น เป็นหนึ่งในสถานที่ชมซากุระที่ได้รับความนิยมอย่างมาก รวมถึงจุดอื่นๆ เช่น ป่าไผ่ และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง
นอกจากนั้นยังมีรถไฟขบวนนำเที่ยว Sagano Romantic Train ที่จะพาชมซากุระอย่างเพลิดเพลิน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ "5 สถานที่ชมซากุระสุดชิลล์ห้ามพลาดในคาเมโอกะ เกียวโต"
ที่อยู่ : Saga-Nakanoshimacho, Ukyo, Kyoto Google Maps
การเดินทาง : จากสถานีซากะอาราชิยามะ (Saga-Arashiyama) นั่งรถไฟสายซากาโนะ (Sagano) หรืออีกชื่อหนึ่งคือสายซันอิน (Sanin) เดินประมาณ 20 นาที
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
4. ศาลเจ้าเฮอัน (Heianjingu Shrine)
Picture courtesy of Pixta
ศาลเจ้าเฮอัน (Heianjingu Shrine) ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1895 เนื่องในโอกาสครบรอบ 1,100 ปีของเมืองหลวงเฮอัน ภายในพื้นที่อันกว้างขวางมีทั้งสวนญี่ปุ่นและศาลเจ้าที่มีจุดเด่นตรงตัวอาคารสีแดงชาดและหลังคาสีเขียว แถมยังเป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อ โดยพิเศษตรงเราสามารถชมซากุระสายพันธุ์หายาก "ยาเอะเบนิชิดาเระซากุระ" ซากุระพันธุ์กิ่งย้อยกลีบซ้อนสีชมพูเข้มได้ที่นี่ด้วย
ในช่วงฤดูกาลของซากุระต้นเดือนเมษายน จะมีการประดับไฟเพื่อให้ได้เพลิดเพลินกับซากุระยามค่ำคืนอีกด้วย
ที่อยู่ : Okazaki Nishitennocho, Sakyo, Kyoto Google Maps
การเดินทาง :
- จากสถานีฮิกาชิยามะ (Higashiyama) นั่งรถไฟสายโทไซ (Tozai) เดินประมาณ 10 นาที
- จากหน้าสถานีเกียวโต ขึ้นรถบัสสาย 5 หรือ 100 ใช้เวลา 30 นาที 230 เยน ลงที่ป้าย Okazaki Koen (Bijutsukan, Heian Jingu-mae) เดินต่อประมาณ 5 นาที
เวลาเข้าชม :
พื้นที่ศาลเจ้า 6:00 - 18:00 (จำหน่ายเครื่องรางตั้งแต่ 7:30)
สวนญี่ปุ่นชินเอ็น 8:30 - 17:30
เว็บไซต์ : http://www.heianjingu.or.jp/index.html (ภาษาญี่ปุ่น)
4 สถานที่ชมซากุระแนะนำในภูมิภาคคันไซ
1. สวนสาธารณะนารา (Nara Park) จังหวัดนารา
Picture courtesy of Pixta
สวนสาธารณะนารา (Nara Park) คือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ขึ้นชื่อของจังหวัดนารา สวนสาธารณะขนาดใหญ่อันเป็นที่ตั้งของมรดกโลกอย่างวัดโทไดจิ อาคารคลังสมบัติชาติโชโซอิน วัดโคฟุกุจิ ฯลฯ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของกวางป่าและกระรอกป่า ที่มักมาเดินเล่นใต้ต้นซากุระในฤดูใบไม้ผลิ
ภายในสวนจะมีซากุระสายพันธุ์ นาราโนะยาเอะซากุระ (Naranoyaezakura) เป็นซากุระพันธุ์กลีบซ้อน แต่มีจุดเด่นที่ดอกขนาดเล็กกว่าซากุระพันธุ์กลีบซ้อนอื่นๆ การได้ชมซากุระท่ามกลางธรรมชาติแถมยังได้เห็นสัตว์น่ารักๆ ถือเป็นเสน่ห์ของที่นี่เลยค่ะ
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟสาย Kintetsu Nara ลงที่สถานี Kintetsu Nara ทางออกหมายเลข 3 เดิน 5 นาที
- นั่งรถไฟสาย JR ลงที่สถานี Nara ทางออกทิศตะวันออก (East Exit) เดิน 20 นาที
2. ปราสาทโคริยามะ (Koriyama Castle) จังหวัดนารา
Picture courtesy of สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเมืองยามาโตะโคริยามะ
เมืองยามาโตะโคริยามะทางด้านเหนือของจังหวัดนารา เป็นที่ตั้งของจุดท่องเที่ยวยอดนิยมนั่นคือ เมืองรอบปราสาทและซากปราสาทโคริยามะ (Koriyama Castle) ย้อนกลับไปเมื่อราว 400 ปีก่อนนับตั้งแต่ได้มีการสร้างปราสาทขึ้นในปีค.ศ. 1580 ที่แห่งนี้ก็ได้เป็นที่รู้จักอย่างดีในเรื่องความงามของซากุระบาน
ซากุระกว่า 800 ต้นที่รายล้อมซากปราสาทโคริยามะแห่งนี้เป็นจุดชมซากุระที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของนารา และมีอีกชื่อเรียกว่า โกะเท็นซากุระ (Gotenzakura) ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนที่ดอกซากุระบาน จะมีการจัดงาน "เทศกาลแห่งปราสาท ยามาโตะโคริยามะ (Yamato Koriyama Castle Festival)" มีการประดับไฟให้ชมซากุระกลางคืน งานประกวดปลาทอง ขบวนพาเหรด และกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Kintetesu Kashihara ลงที่สถานี Kintetsu Koriyama เดินประมาณ 10 นาที
3. แม่น้ำโอคาว่า (Okawa River) จังหวัดโอซาก้า
Picture courtesy of Pixta
แม่น้ำโอคาว่า (Okawa River) ที่ไหลผ่านตัวเมืองโอซาก้า และยังเป็นที่ตั้งของจุดชมซากุระริมแม่น้ำขึ้นชื่อสองแห่งคือ สวน เคมะซากุระโนะมิยะ (Kema Sakuranomiya Park) บนฝั่งของเขต Miyakojima และ โรงกษาปณ์ (Japan Mint Bureau) ใกล้สะพาน Tenmabashi บนฝั่งของเขต Kita
สวนเคมะซากุระโนะมิยะ เป็นสวนสาธารณะกว้างขวางยาวถึง 4.2 กิโลเมตรที่ครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำโอกาวะ ริมแม่น้ำทางฝั่งขวานั้นเรียงรายไปด้วยสถาปัตยกรรมต้นยุคเมจิ เช่น โรงกษาปณ์ และ เซ็มปุคัง (Senpukan) อาคารแบบตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุดในโอซาก้า
ในฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระประมาณ 4,800 ต้นจะบานสะพรั่ง ไม่ว่าจะมาเดินเล่นริมน้ำหรือนั่งเรือสำราญก็ยังได้ ทำให้มีผู้มาชมความงามของดอกซากุระอย่างเนืองแน่นทั้งกลางวันและกลางคืนกันเลยค่ะ
วิธีเดินทาง
ด้วยรถไฟสาย JR สามารถลงที่สถานี Sakuranomiya สถานี Osakajo-kitazume หรือสถานี Tenmabashi ก็ได้
4. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) จังหวัดโอซาก้า
Picture courtesy of Pixta
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ที่ตั้งอยู่ภายในเมืองโอซาก้าแห่งนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดย "โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ" และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดย "โทกุกาวะ อิเอยาสุ" โดยได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 ปราสาทขึ้นชื่อของญี่ปุ่น แม้ในปัจจุบันก็ยังสามารถชมภาพปราสาทอันแสนยิ่งใหญ่ได้อยู่เหมือนเดิม
สวนนิชิโนะมารุ (Nishinomaru Garden) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองนับเป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อที่สามารถชมซากุระกว่า 300 ต้นได้ นอกจากนี้ก็ยังมีดอกไม้อื่นๆ อีกมากมาย เช่น ป่าบ๊วยที่สามารถเพลิดเพลินกับดอกบ๊วยได้ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งชมซากุระในภูมิภาคคันไซ สามารถดูได้จากบทความ "10 สถานที่ชมซากุระห้ามพลาดหากได้มาเยือนคันไซ!"
5 สถานที่ชมซากุระแนะนำในภูมิภาคชูโกะคุและชิโกะคุ
1. สวนเซ็นโคจิ (Senkoji Park) จังหวัดฮิโรชิม่า
Picture courtesy of สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวโอโนมิจิ
สวนเซนโคจิ (Senkoji Park) เป็นสวนกว้างบนยอดเขาเซนโคจิในเมืองโอโนมิจิ จังหวัดฮิโรชิม่า อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 100 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นวิวของเกาะน้อยใหญ่ของทะเลเซโตะใน เมืองด้านล่างและดอกซากุระที่กระจายอยู่ตามเทือกเขาได้อย่างเต็มที่
เมืองโอโนมิจิเต็มไปด้วยเสน่ห์มากมายไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้า วัด สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึง "ชิมานามิไคโด (Shimanami Kaido)" เส้นทางปั่นจักรยานเชื่อมเกาะต่างๆ ที่นักปั่นจากทั่วโลกอยากมาลองปั่นไปบนเส้นทางเหนือทะเลสายนี้
มีบริการกระเช้าจากด้านล่างขึ้นไปถึงยอดเขาภายในสวนได้ เราจึงสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามเหล่านี้จากด้านบนได้ด้วย
2. สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park) จังหวัดฮิโรชิม่า
Picture courtesy of Pixta
สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park) ตั้งอยู่ในเมืองโชบาระ จังหวัดฮิโรชิม่า เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ บริเวณรอบสระน้ำอุเอโนะระยะทางรวมกว่า 2 กิโลเมตรจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพูจากดอกซากุระที่บานสะพรั่งให้เราได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงาม
ในเดือนเมษายนของทุกปีจะมีการจัดงานเทศกาล "เทศกาลซากุระโชบาระอุเอโนะ (Shobara Ueno Sakura Festival)" เมื่อตกกลางคืน เราจะได้ชมความงดงามของซากุระยามค่ำคืนและสะพานสีแดงที่ทอดข้ามสระน้ำ เราสามารถนั่งรถยนต์จากเมืองฮิโรชิม่ามาถึงที่นี่โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวฮิโรชิม่าในฤดูใบไม้ผลิก็บอกเลยว่าห้ามพลาด!
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Geibi ลงที่สถานี Bingo-Shobara เดินประมาณ 10 นาที
* เมืองโชบาระ ห่างจากตัวเมืองฮิโรชิม่าประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีหากเดินทางด้วยรถ หากต้องการเที่ยวรอบๆ ฮิโรชิม่าอาจแนะนำให้ใช้บริการเช่ารถยนต์ขับเอง หรือใช้บริการรถบัสก็ได้
3. สวนอุสึบุกิ (Utsubuki Park) จังหวัดทตโตริ
Picture courtesy of Pixta
สวนอุสึบุกิ (Utsubuki Park) ทตโตริ ที่ตั้งอยู่ในเมืองคุระโยชิ จังหวัดทตโตริแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาอุสึบุกิซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพื้นที่แถบนี้เลยทีเดียว เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ซากุระหลากหลายสายพันธุ์ในสวนก็จะบานสะพรั่งทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งชมซากุระยอดนิยมไปโดยปริยาย
ภูเขาอุตสึบูกิเป็นภูเขาอันเงียบสงบและมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ถึงขนาดได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ป่าไม้สำคัญของชาติ ในฤดูซากุระ ที่นี่จะถูกประดับไปด้วยโคมบมโบริ (*1) กว่า 500 โคมด้วยกัน ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับซากุระยามค่ำคืนชวนฝันได้ที่นี่
วิธีเดินทาง
จากหน้าสถานี JR Kurayoshi นั่งรถบัสคันใดก็ได้ที่วิ่งผ่าน Shiyakusho ใช้เวลา 15 นาที ราคา 230 เยน ลงที่ป้าย Shiyakusho, Utsubuki Koen Iriguchi ก็จะถึงทันที
*1 : บมโบริ...โคมไฟที่หุ้มด้วยกระดาษหรือไหม
4. สวนฮิราคิยามะ (Hirakiyama Park) จังหวัดเอฮิเมะ
Picture courtesy of Pixta
สวนฮิราคิยามะ (Hirakiyama Park) ที่ตั้งอยู่ในเมืองอิมาบาริ จังหวัดเอฮิเมะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนยอดเขาฮิราคิยามะ ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 149 เมตร เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่ก็จะบานสะพรั่งไปด้วยซากุระกว่า 1,000 ต้น ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อไปโดยปริยาย
จากบนจุดชมวิว เราสามารถชมหมู่มวลต้นซากุระมากมายพร้อมๆ กับแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่างเกาะฮากาตะ สะพานโอชิมะ สะพานโอมิชิมะ สะพานทาทาระ นอกจากนี้ภายในสวนก็ยังมีสไลเดอร์และเครื่องเล่นโครงเหล็กสำหรับปีนป่ายด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นแหล่งชมซากุระแนะนำสำหรับมาเที่ยวกันเป็นครอบครัวจริงๆค่ะ
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย JR Yosan ลงที่สถานี Imabari จากนั้นนั่งรถบัสคันที่ไปยัง Omishima ใช้เวลาประมาณ 40 นาที 860 เยน ลงที่ป้าย Hakatajima BS จากนั้นต่อรถบัส Island Loop Line (ผ่านทาง Kitaura) ประมาณ 5 นาที ราคา 120 เยนลงที่ป้าย Kumago เดินต่อประมาณ 20 นาที
5. สวนริสึริน (Ritsurin Park) จังหวัดคากาวะ
Picture courtesy of Pixta
สวนริสึริน (Ritsurin Park) ที่ตั้งอยู่ในเมืองทาคามัตสึ จังหวัดคากาวะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งชมทัศนียภาพอันงดงามเพียงแห่งเดียวในภูมิภาคชิโกะคุในฐานะที่เป็นสวนมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า นอกจากนี้ในปีค.ศ. 2009 สวนแห่งนี้ยังได้รับเลือกจาก Michelin Green Guide Japan ให้เป็น "สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การมาเยือน" ระดับความทรงคุณค่า 3 ดาวซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดอีกด้วย ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อในบรรดานักท่องเที่ยวไปในทันที
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูซากุระก็จะบานสะพรั่งไปด้วยซากุระกว่า 320 ต้นแต่งแต้มสีสันให้กับทัศนียภาพที่ประกอบไปด้วยสระน้ำ 6 สระและภูเขาจำลอง 13 ลูก ภายในสวนมีร้านอาหารที่สามารถอิ่มอร่อยกับชาเขียวและอาหารญี่ปุ่นสำหรับมื้อเที่ยงได้ด้วย เราจึงสามารถเที่ยวได้ชิลล์ๆตลอดทั้งวัน
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟสาย JR Kotoku ลงที่สถานี Ritsurin Koen Kitaguchi เดินประมาณ 3 นาที หรือสถานี Ritsurin เดินประมาณ 20 นาที
- นั่งรถไฟสาย Kotoden-Kotohira ลงที่สถานี Ritsurin Koen เดินประมาณ 10 นาที
รายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งชมซากุระในภูมิภาค ชูโกะคุและชิโกะคุ สามารถดูได้จากบทความ "5 สถานที่ชมดอกซากุระห้ามพลาดในภูมิภาคชูโกะคุและชิโกะคุ!"
6 สถานที่ชมซากุระแนะนำในภูมิภาคโทโฮคุ
1. ฟาร์มโคะอิวาอิ (Koiwai Farm) จังหวัดอิวาเตะ
Picture courtesy of Pixta
ฟาร์มโคะอิวาอิ (Koiwai Farm) เป็นฟาร์มที่กินอาณาบริเวณแถบที่ราบเชิงเขาอิวาเตะในจังหวัดอิวาเตะ ที่นี่มีทั้งทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะ คอกวัว และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติ นับเป็นศูนย์รวมความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ไปจนถึงเด็กๆ เลย
ในฤดูใบไม้ผลิสามารถชมต้นซากุระที่เรียงรายตรงทางเข้าคอกวัวได้ แต่สถานที่ชมซากุระอันดับหนึ่งของที่นี่ก็คือ ต้นซากุระเพียง 1 ต้นที่ผลิบานอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวสดโดยมีภูเขาอิวาเตะเป็นฉากหลังตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม นับเป็นวิวสุดงดงามราวกับภาพวาดจริงๆ
* เวลาทำการของฟาร์มโคะอิวาอิจะแตกต่างกันในแต่ละช่วงของปี ช่วงชมซากุระ (20 เมษายน เป็นต้นไป) เปิดเวลา 9:00-17:30น. ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก(อายุ 5 ปีจนถึงก่อนมัธยม) 300 เยน
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟชินคันเซนสาย JR Tohoku หรือสาย Akita หรือนั่งรถไฟสาย Tazawako ลงที่สถานี Morioka จากนั้นนั่งรถบัสจากป้ายหมายเลข 10 เลือกรถคันที่ไป "Koiwai Nojo Makiba-en" หรือ "Amihari Onsen" ลงที่ป้าย Koiwai Nojo Makiba-en ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคาผู้ใหญ่ 700 เยน เด็ก 350 เยน
รถบัสจากหน้าสถานี Morioka ให้บริการวันละ 4 รอบเท่านั้น (เวลา 8:55, 10:45, 13:45, 14:45) นอกเหนือจากเวลานี้แนะนำให้นั่งรถไฟสาย Tazawako Line ลงที่สถานี Koiwai จากนั้นใช้บริการแท๊กซี่มาที่ฟาร์ม ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ราคาประมาณ 2,000 เยน
2. คาคุโนะดาเตะ (Kakunodate) จังหวัดอาคิตะ
Picture courtesy of Pixta
คาคุโนะดาเตะ (Kakunodate) เมืองที่ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาและธรรมชาติของเมืองเซ็มโบคุ จังหวัดอาคิตะ สถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อคือบ้านพักซามูไร (Bukeyashiki) ที่ได้รับการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพเดิมมาอย่างดีจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติ รวมไปถึงต้นซากุระที่เรียงรายริมสองฝั่งถนนเคียงข้างอาคารเหล่านั้น
ซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่คือ "ชิดาเระซากุระแห่งคาคุโนะดาเตะ" เป็นซากุระพันธุ์ชิดาเระที่มีเอกลักษณ์คือกิ่งและดอกห้อยยาวเป็นระย้าลงมาจากต้น ต้นที่มีอายุมากที่สุดนั้นมีอายุกว่า 300 ปี จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางธรรมชาติของชาติด้วย
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย JR Tazawako หรือรถไฟชินคันเซนสาย JR Akita ลงที่สถานี Kakunodate เดินประมาณ 20 นาที
3. สวนมัตสึกะซากิ (Matsugasaki Park) จังหวัดยามากาตะ
Picture courtesy of Pixta
สวนมัตสึกะซากิ (Matsugasaki Park) ที่ตั้งอยู่ในเมืองโยเนซาวะ จังหวัดยามากาตะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นในพื้นที่ของร่องรอยปราสาทโยเนซาวะ เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็จะบานสะพรั่งไปด้วยซากุระกว่า 200 ต้นล้อมรอบคูน้ำ ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งชมซากุระในดวงใจของผู้คนมากมาย
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของซากุระภายในสวนแห่งนี้คือภาพของซากุระที่สะท้อนลงบนผิวน้ำของคูน้ำนี่แหละ หรือแม้แต่ยามที่กลีบซากุระเริ่มร่วงโรยจากต้น เรายังสามารถเพลิดเพลินกับภาพของกลีบดอกซากุระที่ลอยละล่องบนผิวน้ำได้อีกเช่นกัน บอกเลยว่าต้องแวะมาชมภาพอันงดงามที่ผสมผสานกันระหว่างซากุระและคูน้ำกันให้ได้สักครั้ง
วิธีเดินทาง
จากสถานี JR Yonezawa นั่งรถบัสประมาณ 10 นาที ราคา 230 เยน ลงที่ป้าย Uesugijinja-mae เดินอีกเพียง 2 นาที
4. นัตสึอิเซ็มบงซากุระ (Natsui Sembon Sakura) จังหวัดฟุกุชิมะ
Picture courtesy of Pixta
ภายในเมืองโอโนะที่ตั้งอยู่ในเขตทามูระ จังหวัดฟุกุชิมะ เป็นที่ตั้งของสถานที่ชมซากุระที่เรียกว่า นัตสึอิเซ็มบงซากุระ (Natsui Sembon Sakura) เราสามารถชมบรรยากาศของซากุระกว่า 1,000 ต้นที่บานสะพรั่งตลอดทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำนัตสึอิยาวกว่า 5 กิโลเมตรได้ที่นี่เลย
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่อยู่ที่สามารถชมซากุระและธงปลาคาร์ฟที่ปลิวไหวตามลมได้พร้อมกันในแห่งเดียวนี่แหละ เรียกได้ว่าเป็นทัศนียภาพที่สามารถหาชมได้เฉพาะในโทโฮคุซึ่งซากุระบานช้ากว่าที่อื่นเลยค่ะ
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย JR Ban-etsutoลงที่สถานี Natsui เดินประมาณ 5 นาที
5. ถนนคันโจไกโดริ (Kanchogai-dori) เมืองโทวาดะ จังหวัดอาโอโมริ
Picture courtesy of Pixta
ถนนคันโจไกโดริ (Kanchogai-dori) เป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อที่ตั้งอยู่ในเมืองโทวาดะ จังหวัดอาโอโมริ เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ซากุระกว่า 150 ต้นก็จะบานสะพรั่งทำให้ถนนที่เรียงรายไปด้วยต้นซากุระจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูสวยงามมากค่ะ
เสน่ห์อย่างหนึ่งของถนนแห่งนี้คือสีชมพูของดอกซากุระที่ตัดกับสีเขียวสดของต้นสน ในเวลาที่ซากุระเริ่มร่วงจากต้น กลีบซากุระจะเปลี่ยนพื้นถนนให้กลายเป็นสีชมพู ถนนทั้งสายได้กลายเป็นผืนผ้าใบศิลปะขนาดใหญ่สมชื่อเมืองศิลปะจริงๆ
วิธีเดินทาง
รถไฟชินคันเซนสาย JR Tohoku ลงที่สถานี Shichinohe-Towada ทางออกทิศใต้ (South Exit) ที่ป้ายหมายเลข 1 ให้ขึ้นรถบัส Towada Kanko Dentetsu Bus ไปลงที่ป้าย Kanchogai-dori ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ราคา 650 เยน
6. สวนสาธารณะนิชิ (Nishi Park) จังหวัดมิยางิ
Picture courtesy of Pixta
สวนสาธารณะนิชิ (Nishi Park) เมืองเซ็นได จังหวัดมิยางิเป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อที่สุดในเซ็นได เราสามารถชมบรรยากาศของผู้คนมากมายที่กำลังเพลิดเพลินกับการชมซากุระสไตล์ญี่ปุ่นได้ที่นี่เลย นั่นก็คือการปูเสื่อและนั่งสังสรรค์กันพลางชมซากุระนั่นเอง
นอกจากนี้ ถ้าเกิดจองเอาไว้ล่วงหน้า เรายังสามารถเพลิดเพลินกับซากุระจากที่นั่งแบบญี่ปุ่นภายในเต็นท์ที่ติดตั้งเครื่องทำความอุ่นและมีเบาะรองนั่งเอาไว้ให้ด้วย ที่นี่จึงนับเป็นแหล่งชมซากุระที่มีผู้คนท้องถิ่นแวะมาเยือนกันเพียบ!
วิธีเดินทาง
นั่งรถชินคันเซน JR Tohoku หรือรถไฟสาย Joban หรือสาย Tohoku Main Line ลงที่สถานี Sendai
จากสถานี Sendai เดินไปประมาณ 30 นาที หรือไปต่อรถไฟใต้ดินสาย Tozai ลงที่สถานี Omachi Nishi Koen แล้วเดินประมาณ 10 นาที
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งชมซากุระในภูมิภาคโทโฮคุ สามารถดูได้จากบทความ "10 สถานที่ชมซากุระที่สวยงามสุดๆ ราวกับภาพวาดในภูมิภาคโทโฮคุ"
5 สถานที่ชมซากุระแนะนำในภูมิภาคคิวชู
1. ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) จังหวัดคุมาโมโตะ
Picture courtesy of Pixta
ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) ถูกสร้างขึ้นมาราว 400 ปีก่อน มีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นมาโดยตลอดและได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดคุมาโมโตะในปัจจุบัน เพียงแค่ได้เห็นปราสาทตั้งตระหง่านก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่แล้ว
ในฤดูใบไม้ผลิบริเวณโดยรอบปราสาทจะสดใสไปด้วยสีชมพูจากดอกซากุระช่วยขับให้ตัวปราสาทสีขาวดำดูดดดเด่น และยามค่ำก็มีการประดับไฟให้ชมซากุระกลางคืนที่งดงาม
* ปราสาทคุมาโมโตะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวคุมาโมโตะในปี 2016 แต่ในปี 2023 ได้เปิดให้เข้าชมอีกครั้วแล้ว
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้จากเว็บไซต์ทางการ (ภาษาอังกฤษ)
วิธีเดินทาง
จากหน้าสถานีรถไฟ JR Kumamoto นั่งรถรางจากสถานี Kumamoto eki mae ใช้เวลา 20 นาที 170 เยน มาลงที่สถานี Kumamoto Castle จากนั้นเดินอีก 5 นาที
2. สวนโอมูระ (Omura Park) จังหวัดนางาซากิ
Picture courtesy of Pixta
Omura Park (สวนโอมูระ) เป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อที่ตั้งอยู่ในเมืองโอมูระ จังหวัดนางาซากิ โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่มีซากุระหลากหลายสายพันธุ์และมีมากมายหลายต้นนี่แหละ ซากุระ 21 สายพันธุ์รวมกว่า 2,000 ต้นครอบคลุมอาณาเขตทั่วทั้งสวนเลยทีเดียว
หนึ่งในสายพันธุ์เหล่านั้นคือ "โอมูระซากุระ (Omurazakura)" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของญี่ปุ่น โดยเป็นซากุระสุดแปลกที่มีกลีบเยอะเหมือนกับดอกกุหลาบ เนื่องจากแม้กระทั่งคนญี่ปุ่นเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ชมสักเท่าไหร่ จึงนับว่าพลาดไม่ได้!
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย JR Omura ลงที่สถานี Omura จากนั้นต่อรถบัสคันที่ไป "Mukaikoba Iriguchi" ใช้เวลาประมาณ 5 นาที 140 เยน ลงที่ป้าย Koen Iriguchi ก็ถึงทันที
3. สวนมิฟุเนะยามะระขุเอ็น (Mifuneyama Rakuen Garden) จังหวัดซากะ
Picture courtesy of Mifuneyama Kanko Hotel
สวนมิฟุเนะยามะระขุเอ็น (Mifuneyama Rakuen Garden) ที่ตั้งอยู่ในเมืองทาเคโอะ จังหวัดซากะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติทั้ง 4 ฤดูกาลได้ ในฤดูใบไม้ผลิ เราสามารถชมซากุระกว่า 2,000 ต้นที่ยแต่งแต้มให้ทัศนียภาพมีสีสันชวนฝันสุดๆ
ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจะมีการจัดงาน "เทศกาลดอกไม้ (Flower Festival)" มีการประดับไฟให้ชมซากุระยามค่ำคืนด้วย ภายในสวนยังมีร้านอาหารและร้านชา จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมซากุระได้ยาวๆ เลย
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย JR Sasebo ลงที่สถานี Takeo Onsen จากนั้นต่อแท๊กซี่ 5 นาที ประมาณ 1,000 เยน
4. สวนไซโตะบารุ โคะฟุนกุน (Saitobaru kofungun) จังหวัดมิยาซากิ
Photo by Pixta
Picture courtesy of Pixta
สวนไซโตะบารุ โคะฟุนกุน (Saitobaru kofungun) ที่ตั้งอยู่ในเมืองไซโตะ จังหวัดมิยาซากิแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะร่องรอยทางประวัติศาสตร์ประจำเมือง เราสามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระและดอกนาโนะฮานะในฤดูใบไม้ผลิ และดอกคอสมอสในฤดูใบไม้ร่วงได้
จุดที่เรียกว่า "โกะเรียวฮาคามาเอะ (Goryohakamae)" ที่ตั้งอยู่ภายในโคะฟุนกุนมีซากุระกว่า 2,000 ต้นและดอกนาโนะฮานะกว่า 3 แสนต้นบานสะพรั่งงดงามมาก ความงดงามที่ตัดกันระหว่างดอกซากุระสีชมพูและดอกนาโนะฮานะสีเหลืองสดใสเป็นอะไรที่สุดยอดจนเผลอหยุดยืนดูเลยทีเดียว
วิธีเดินทาง
รถยนต์ จากสถานี JR Miyasaki ขับประมาณ 50 นาที
รถบัส จากหน้าสถานี JR Miyasaki เดินประมาณ 10 นาทีไปที่ป้ายรถ "Miyako Tachibanadori Shiten-mae" นั่งรถบัสของ Miyasaki Kotsu Bus คันที่ไป "Saito Bus Center" ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ราคา 1,020 เยน ลงที่ป้ายสุดท้าย Saito Bus Center จากนั้นต่อแท๊กซี่ 10 นาที ประมาณ 1,200 เยน
5. สวนไมซุรุ (Maizuru Park) จังหวัดฟุกุโอกะ
Picture courtesy of Pixta
Maizuru Park (สวนไมซุรุ) ที่ตั้งอยู่ในเมืองฟุกุโอกะ จังหวัดฟุกุโอกะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ตรงบริเวณร่องรอยปราสาทฟุกุโอกะซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 400 ปี ในฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่จะกลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจสำหรับชมซากุระสำหรับผู้คนมากมาย
ช่วงชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิจะมีการจัดงาน "เทศกาลซากุระ ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Sakura Festival)" ในช่วงงานเทศกาลจะมีการจัดงานอีเว้นท์ต่างๆมากมาย เช่น ประดับไฟซากุระกลางคืนและร้านค้าริมทาง เป็นต้น เราจึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมซากุระท่ามกลางบรรยากาศสุดคึกคักได้ที่นี่เลย
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดินสาย Airport ลงที่สถานี Akasaka หรือ Ohorikoen เดินประมาณ 8 นาที
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งชมซากุระในภูมิภาคคิวชู สามารถดูได้จากบทความ "5 สถานที่ชมซากุระในคิวชู ดื่มด่ำธรรมชาติและวิวซากุระงามเวอร์"
4 สถานที่ชมซากุระแนะนำในฮอกไกโด
1. สวนมัตสึมาเอะ (Matsumae Park) เมืองมัตสึมาเอะ
Picture courtesy of Pixta
สวนมัตสึมาเอะ (Matsumae Park) ที่ตั้งอยู่ในเมืองมัตสึมาเอะทางตอนใต้ของเกาะฮอกไกโดแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะใจกลางปราสาทมัตสึมาเอะ (Matsumae Castle) โดยเป็นเมืองรอบปราสาทแห่งเดียวในฮอกไกโด สวนแห่งนี้ยังได้รับฉายาว่าเป็น "ถิ่นกำเนิดแห่งซากุระ" เพราะภายในสวนแห่งนี้มีซากุระถึง 250 สายพันธุ์รวมกว่า 10,000 ต้น
ในฤดูซากุระจะมีการจัดงาน "เทศกาลซากุระเมืองมัตสึมาเอะ (Matsumae Sakura Festival)" โดยมีทั้งขบวนพาเหรดนักรบ และงานอีเว้นท์ต่างๆมากมาย เช่น การรำ เป็นต้น นอกจากนี้ เนื่องจากซากุระแต่ละสายพันธุ์จะมีช่วงเวลาการบานสะพรั่งเต็มที่แตกต่างกัน เสน่ห์อย่างหนึ่งจึงอยู่ที่สามารถเพลิดเพลินกับการชมซากุระได้ตลอดทั้งเดือนเลยนี่แหละ
วิธีเดินทาง
จากสถานีรถไฟ JR Kikonai นั่งรถบัส Hakodate Bus สายที่วิ่งไป "Matsumae" ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ราคา 1,250 เยน ลงที่ป้าย Matsushiro แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
2. ถนนชิซึไนนิจุกเค็ง (Shizunai Nijukken Road) เมืองฮิดากะ
Picture courtesy of Pixta
บนสองฟากฝั่งของถนนชิซึไนนิจุกเค็ง (Shizunai Nijukken Road) ที่ทอดยาวเป็นเส้นตรงระยะทาง 7 กิโลเมตร คือต้นซากุระกว่า 3,000 ต้นที่ใช้เวลาถึง 3 ปีในการย้ายต้นซากุระจากภูเขาใกล้เคียงมาปลูกใหม่
ถนนสายนี้ได้รับเลือกให้เป็น "มรดกแห่งฮอกไกโด" ในฐานะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะฮอกไกโดที่ควรหลงเหลือเอาไว้ให้ผู้คนรุ่นหลังได้ชมกัน ในช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นฤดูซากุระ จะมีผู้คนเดินทางเพื่อชมซากุระที่นี่กว่า 2 แสนคนเลยทีเดียว
วิธีเดินทาง
จากสถานีรถไฟ JR Sapporo นั่งรถบัสของ Donan Bus สายรถด่วน Pegasus มาลงที่ป้ายหน้าสถานีรถไฟ Shizunai ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที ราคา 2,410 เยน จากนั้นต่อรถบัส Donan Bus (ปลายทาง Noya) ลงที่ป้าย Ofuen ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ราคา 410 เยนแล้วเดินต่อประมาณ 17 นาที
* จำนวนรถบัสที่วิ่งแต่ละวันจะมีน้อย แนะนำให้พักค้างคืนบริเวณใกล้สถานี Shizunai จะสะดวกกว่า
3. หอคอยโกะเรียวคาคุ (Goryoukaku Tower) เมืองฮาโกดาเตะ
Picture courtesy of Pixta
หอคอยโกะเรียวคะขุ (Goryoukaku Tower) คืออาคารชมวิวที่ตั้งอยู่ในเมืองฮาโกดาเตะบนเกาะฮอกไกโด เราสามารถชมสวนโกะเรียวคะขุที่มีลักษณะเป็นรูปดาวห้าแฉกได้ ส่วนภายในสวนเป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อที่เต็มไปด้วยซากุระกว่า 1,600 ต้น
เมื่อมองจากจุดชมวิวบนหอคอยในฤดูใบไม้ผลิ ทิวทัศน์ด้านล่างจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูไปทั่วทุกมุม ด้านบนหอคอยมีโซนนิทรรศการประวัติความเป็นมาของหอคอยโกะเรียวคะขุ และโซนพื้นกระจก "ซีทรูฟลอร์" (See through floor) ที่สามารถมองทะลุลงไปเห็นพื้นด้านล่างได้ ภายในยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านไอศกรีมเจลาโต้ให้ได้ชิลล์พร้อมดูทิวทัศน์สวยๆ ไปด้วย
วิธีเดินทาง
รถราง จากหน้าสถานีรถไฟ Hakodate นั่งรถรางจากสถานี Hakodate Eki-mae ไปลงที่สถานี Goryokaku Koen-mae ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ราคา 230 เยน แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที
รถบัส จากหน้าสถานีรถไฟ Hakodate นั่งรถบัส Hakodate Bus ไปลงป้าย Goryokaku Koen-iriguchi ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ราคา 240 เยน แล้วเดินต่อประมาณ 7 นาที
4. สวนโมเอเรนุมะ (Moerenuma Park) เมืองซัปโปโร
Picture courtesy of Pixta
สวนโมเอเรนุมะ (Moerenuma Park) คือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองซัปโปโรบนเกาะฮอกไกโด โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์สุดเอกลักษณ์นี่แหละ ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องเล่น น้ำพุ และภูเขารูปเรขาคณิต
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ "ป่าซากุระ (Sakura no Mori)" ซึ่งเป็นแหล่งชมซากุระภายในสวนก็จะบานสะพรั่งไปด้วยซากุระกว่า 2,300 ต้นเลยทีเดียว ยังไงก็อย่าลืมแวะมาชมทัศนียภาพที่ผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติและศิลปะกันดูนะคะ
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toho Line ลงที่สถานี Kanjodori-Higashi ต่อรถบัสของ Chuo Bus สาย Higashi 69 หรือ Higashi 79 ลงที่ป้าย Moerenuma Koen Higashiguchi ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ราคา 210 เยน
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toho Line ลงที่สถานี Kanjodori-Higashi ต่อรถบัสของ Chuo Bus สาย Higashi 61 ลงที่ป้าย Moerenuma Koen Nishiguchi ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ราคา 210 เยน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งชมซากุระบนเกาะฮอกไกโด สามารถดูได้จากบทความ "7 สถานที่ชมซากุระท่ามกลางธรรมชาติสุดอลังในฮอกไกโด (ข้อมูลปี 2018)"
5 สถานที่ชมซากุระแนะนำในภูมิภาคชูโกะคุและโฮคุริคุ
1. สวนทาคาดะ (Takada Park) จังหวัดนีงาตะ
Picture courtesy of Pixta
Takada Park (สวนทาคาดะ) เป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อที่ตั้งอยู่ในเมืองโจเอสึ จังหวัดนีงาตะ โดยเป็นสวนที่สร้างขึ้นภายในพื้นที่ของร่องรอยปราสาททาคาดะในสมัยเอโดะ แม้ในปัจจุบัน เราก็ยังสามารถชมวิวเมืองรอบปราสาทได้อยู่เหมือนเดิม
เสน่ห์ของซากุระภายในสวนทาคาดะก็คือบรรยากาศของซากุระยามค่ำคืนซึ่งได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 ซากุระยามค่ำคืนของญี่ปุ่นนี่แหละ ทั่วทั้งสวน เช่น ถนนซากุระที่เรียกว่า “ซากุระโร้ด” จะมีการประดับไฟอย่างสวยงาม ทำให้สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของซากุระอันงดงามได้แม้ในยามค่ำคืน ที่นี่จึงเรียกได้ว่าเป็นแหล่งชมซากุระที่น่ามาเยือนแม้ในตอนกลางคืนจริงๆค่ะ
วิธีการเดินทางและข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ "ซากุระ 4 พันต้นในสวนทาคาดะ จังหวัดนีงาตะ ซากุระยามค่ำคืนสุดอลังการของญี่ปุ่น"
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
2. สวนทาคาโทโจชิ (Takato Joshi Park) จังหวัดนากาโนะ
Picture courtesy of Pixta
สวนทาคาโทโจชิ (Takato Joshi Park) ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโนะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ภายในเขตร่องรอยปราสาททาคาโท และยังเป็น 1 ใน 3 แหล่งชมซากุระขึ้นชื่อของญี่ปุ่นด้วย
ซากุระภายในสวนทาคาโทโจชิเป็นสายพันธุ์ที่เรียกว่า "ทาคาโทโคฮิกันซากุระ (Taktokohiganzakura)" ซึ่งมีเอกลักษณ์คือดอกสีแดงขนาดค่อนข้างเล็ก ด้วยรูปร่างหน้าตาน่ารักของมันทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติประจำจังหวัดถึงขนาดเรียกกันว่า "ซากุระอันดับ 1 ในโลก" เลยทีเดียว ยังไงก็ลองแวะมาเพลิดเพลินกับซากุระที่ไม่สามารถหาชมได้จากที่อื่นกันดูนะ
วิธีเดินทาง
จากสถานี JR Inashi นั่งรถบัสของ JR Bus Kanto ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ราคา 520 เยน ลงที่ป้าย Takato-eki เดินประมาณ 15 นาที
3. ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) จังหวัดนากาโนะ
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) จังหวัดนากาโนะที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทขึ้นชื่อของญี่ปุ่นที่ยังคงหลงเหลือตัวปราสาทอยู่ในปัจจุบัน ด้วยภายนอกตัวปราสาทมีสีดำจึงเรียกกันอีกชื่อว่า "ปราสาทนกกระสาดำ" ที่นี่ยังเป็นแหล่งชมซากุระที่มีผู้คนเดินทางมาเยือนกันเป็นจำนวนมาก
ภายในพื้นที่ปราสาทมีการปลูกซากุระเอาไว้กว่า 300 ต้น บรรยากาศของซากุระที่มีตัวปราสาทเป็นฉากหลังได้รับความนิยมอย่างมาก เมื่อตกกลางคืนก็ยังมีการประดับไฟซากุระกลางคืนด้วย จึงบอกเลยว่าห้ามพลาด!
4. สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenroku-en) เมืองคานาซาว่า
ต้นคิคุซากุระในสวนเค็นโรคุเอ็น จากบทความ รวมแหล่งชมซากุระในเมืองรอบปราสาทคานาซาว่า
สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenroku-en) ที่ตั้งอยู่ในเมืองคานาซาว่า จังหวัดอิชิคาว่าแห่งนี้เป็นหนึ่งในสวนญี่ปุ่นขึ้นชื่อแห่งสมัยเอโดะ โดยเป็นแหล่งชมทัศนียภาพอันงดงามถึงขนาดได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 สวนญี่ปุ่นขึ้นชื่อของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ส่วนภายในสวนมีการปลูกซากุระเอาไว้กว่า 400 ต้น
ภายในสวนเต็มไปด้วยต้นซากุระมากมาย แถมยังมีซากุระสายพันธุ์ที่ไม่สามารถหาชมได้จากที่อื่นอย่าง "เค็นโรคุเอ็นคิคุซากุระ (Kenroku-en Kikuzakura)" อีกด้วย ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ซากุระบานจะมีการประดับไฟและเปิดสวนให้เข้าชมซากุระกลางคืนได้ฟรี
5. ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) เมืองนาโกย่า
Picture courtesy of Pixta
ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) ที่ตั้งอยู่ในเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ โดยได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 ปราสาทขึ้นชื่อของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ปราสาทนาโกย่ามีเอกลักษณ์อยู่ที่รูปปั้นปลาที่มีหัวเป็นเสือสีทองที่เรียกว่า "คินโนะชาจิโฮโกะ (Kin no Shachihoko)" ที่ประดับอยู่บนยอดปราสาทนี่แหละ โดยเป็นที่คุ้นเคยกันในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนาโกย่าอีกด้วย
ในปราสาทนาโกย่ามีซากุระมากกว่า 1,000 ต้น ทัศนียภาพที่สามารถชมตัวปราสาทและซากุระได้พร้อมกันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง! เนื่องจากเราสามารถชมซากุระได้ทั่วทุกแห่งภายในปราสาท จึงบอกเลยว่าน่าแวะมาดื่มด่ำกับคอมโบระหว่างซากุระและปราสาทสุดๆ
* ปัจจุบันหอคอยเท็นชุของปราสาทอยู่ระหว่างซ่อมแซม มีกำหนดการแล้วเสร็จในปีค.ศ. 2022 สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ทางการ (ภาษาอังกฤษ)
ฮานามิ งานเทศกาลประจำฤดูใบไม้ผลิคืออะไร?
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ในญี่ปุ่นจะมีธรรมเนียมที่เรียกว่า ฮานามิ แปลได้ว่า "ดูดอกไม้" ธรรมเนียมนี้ไม่ใช่แค่การมานั่งดูดอกไม้ธรรมดาๆ แต่คือการเพลิดเพลินไปกับดอกซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือที่คนไทยเรารู้จักกันดีในชื่อ "เทศกาลชมดอกซากุระ" นั่นเอง เดี๋ยวเรามาแนะนำประวัติความเป็นมา มารยาทและวิธีการชมซากุระกันดีกว่าค่ะ
ย้อนกลับไปยังสมัยเฮอัน! ประวัติความเป็นมาของเทศกาลชมดอกซากุระ
เทศกาลชมดอกซากุระ มีประวัติความเป็นมาอันแสนยาวนานตั้งแต่สมัยเฮอันเลยทีเดียว ในสมัยนั้นจะมีพิธีที่เหล่าขุนนางมารวมตัวกันใต้ต้นซากุระและประพันธ์บทกลอนเกี่ยวกับดอกไม้ ทั้งยังมีเรื่องเกี่ยวกับเทศกาลชมดอกซากุระปรากฏอยู่ในนวนิยายเรื่องเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง "เก็นจิโมโนกาตาริ (ตำนานเก็นจิ)" ด้วย ทำให้เรารู้ว่านี่เป็นธรรมเนียมที่แพร่หลายกันในหมู่ขุนนางญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป การชมซากุระก็เริ่มแพร่หลายในหมู่ชาวบ้านเช่นเดียวกัน จนปัจจุบันการเพลิดเพลินไปกับการสังสรรค์พลางชมซากุระก็กลายเป็นธรรมเนียมสามัญของคนญี่ปุ่นไปโดยปริยาย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ "สารพันเรื่องราวของ เทศกาลชมดอกซากุระ"
อุปกรณ์จำเป็นถ้าจะไปชมซากุระ
โดยปกติแล้วการชมซากุระจะมีการจับจองพื้นที่สำหรับปูเสื่อนั่งชมซากุระกัน นอกจากนี้ก็จะมีการเตรียมอาหาร ขนม เครื่องดื่ม แก้วกระดาษ และจานกระดาษมาด้วย
ลองเข้าไปดูที่ "เตรียมตัวให้พร้อมกับของจำเป็น 15 อย่าง ในการชมซากุระ" เราได้แนะนำของจำเป็น 15 อย่างที่ควรพกไปชมซากุระด้วย ยังไงก็ลองอ่านประกอบไว้เป็นข้อมูลกันดูค่ะ
ชมซากุระให้สนุกโดยรักษามารยาทกันด้วยนะจ๊ะ
ในช่วงเทศกาลจะมีผู้คนเดินทางมาเพื่อชมบรรยากาศของดอกซากุระที่บานสะพรั่งสวยงามกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบันก็คือปัญหาเรื่องมารยาทในการชมซากุระนั่นเอง เดี๋ยวเรามาแนะนำข้อควรระวังในการไปชมซากุระกันหน่อยดีกว่าค่ะ
1. แยกขยะก่อนทิ้งและไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด
Picture courtesy of Pixta
ในเทศกาลชมดอกซากุระ เราจะได้เพลิดเพลินกับการกินดื่มร่วมกันกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว เมื่อจำนวนคนเพิ่มมากขึ้น ปริมาณขยะก็จะมากขึ้นตามไปด้วยเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น จึงควรงดการวางขยะทิ้งไว้หรือทิ้งขยะเกลื่อนกลาด
เนื่องจากตามสถานที่ชมซากุระหลักๆ มักจะมีการตั้งถังขยะเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว จึงควรทิ้งขยะลงถังทุกครั้ง นอกจากนี้ ถังขยะจะมีการแยกประเภทเป็นขยะเผาไหม้ได้ พลาสติก กระป๋องและขวดไว้ให้ ยังไงก็อย่าลืมแยกขยะก่อนทิ้งด้วยนะจ๊ะ
ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่ "อ๊ะ อ๊ะ ตาวิเศษเห็นนะ! วิธีทิ้งขยะให้ถูกต้องเมื่อไปชมซากุระ"
2. ห้ามหักกิ่งซากุระหรือทำความเสียหายให้กับต้นซากุระ
Picture courtesy of Pixta
ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ เราสามารถชมบรรยากาศของซากุระได้อย่างใกล้ชิดในระยะที่สามารถจับต้องได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงมีผู้คนบางกลุ่มไปจับดึงกิ่งซากุระลงมาเพื่อถ่ายรูป หักกิ่งซากุระกลับบ้านหรือเขย่าต้นซากุระเพื่อให้ดอกซากุระร่วงลงมา
เนื่องจากซากุระเป็นต้นไม้ที่บอบบาง บางครั้งการหักกิ่งหรือก่อความเสียหายก็อาจส่งผลให้ต้นซากุระแห้งตายเลยก็ได้ ดังนั้นจึงควรดูแต่ตามืออย่าต้องกันจะดีกว่าเนอะ
ชมความงามของซากุระในฤดูใบไม้ผลิทั่วญี่ปุ่น
ซากุระ สัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่สามารถสัมผัสถึงจิตใจของคนญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องสื่อสารด้วยคำพูดใดๆ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังสนใจอยากลองมาชมความงามของซากุระที่ประเทศญี่ปุ่นกันนะคะ
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง